วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียบ หรู สบาย ไปกับ เลกซัส จีเอส 250

เลกซัส จีเอส ใหม่เป็นรถยนต์นั่งเจเนอเรชั่นที่ 4 ของรุ่นจีเอส ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความพิเศษในทุก ๆ ด้าน และเป็นแกรนด์ ทัวริ่ง ซีดาน ภายใต้แนวคิดกะทัดรัดปราดเปรียวแต่มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง สะดวกสบาย ภาพลักษณ์การดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัส ที่จะมาสร้างประสบการณ์ใหม่แห่งการขับขี่ และสุดยอดสมรรถนะความประหยัด
รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบภายใต้ปรัชญาแอล-ไฟเนส โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว ตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ให้แรงเสียดทานต่ำ ไฟหน้ามาพร้อมกับระบบแอลอีดี เดย์ไทม์รูปทรงหัวลูกศร กระจังหน้ารูป “หลอดถ้วย” สะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ของแบรนด์เลกซัสโดดเด่นไม่เหมือนใคร แนวหลังคาที่ยาวขึ้น
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางปรับปรุงที่นั่งให้การควบคุมรถที่ดีขึ้น พื้นที่เหนือศีรษะที่สูงขึ้น 15 มม. การออกแบบตามสรีระศาสตร์ทำให้สะดวกสบายตลอดการเดินทาง และที่นั่งด้านหน้าได้ปรับระดับให้สูงขึ้น 30 มม. ที่นั่งด้านหลังสูงขึ้น 20 มม. ทำให้การเข้า-ออกของผู้โดยสารด้านหลังง่ายและสะดวกสบายขึ้น รวมทั้งมีไฟเรืองแสง แอลอีดี แอมเบียนท์
ส่วนบริเวณแผงหน้าปัดประกอบด้วยจอแสดงผลแอลซีดี ขนาด 12.3 นิ้ว ที่แสดงผลทั้งระบบแผนที่ ระบบเครื่องเสียง ระบบนำทาง สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ และโซนการควบคุมที่ทำงานผ่านรีโมต ทัช อินเตอร์ เฟรซ การควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ด้วยเคอร์เซอร์บนหน้าจอ
ระบบปรับอากาศแบบเอสโฟลว์ ที่ควบคุมระดับลมแอร์ให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร ปิดช่องลมที่ปล่อยความเย็นออกสู่บริเวณที่ไม่มีผู้โดยสารนั่งอยู่ ช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานของรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยระบบปรับสภาพอากาศแบบนาโน-อี ช่วยปรับความสมดุลของอากาศ เติมเต็มความบันเทิงด้วยเครื่องเสียงมาตรฐานลำโพง 12 ตัว ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายใหม่ เพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นจาก 430 ลิตร เป็น 530 ลิตร สามารถใส่ถุงกอล์ฟขนาดมาตรฐานได้มากถึง 4 ใบ
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น เลกซัส จีเอส 250 ได้ติดตั้งถุงลม 10 ตำแหน่ง และมีระบบที่ช่วยลดการบาดเจ็บบริเวณต้นคอ บริเวณที่นั่งตอนหน้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเข็มขัดนิรภัย กลไกการดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติด้วย นอกจากนี้ยังได้ผสานการทำงานของระบบต่าง ๆ ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ การทรงตัว และการป้องกันล้อหมุนฟรีอย่างมีประสิทธิภาพ
เลกซัส จีเอส 250 ใช้เครื่องยนต์ 4 GR-FSE ขนาด 2.5 ลิตร วี 6 DOHC 24 วาล์ว ดูอัล วีวีที-ไอ ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ส่วนค่าตัวรุ่นเอฟ สปอร์ต อยู่ที่ 4.99 ล้านบาท.
ซีดานหรู สายพันธุ์ใหม่
จากต้นกำเนิดของเลกซัสในสหรัฐอเมริกาเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว เป็นการท้าทายที่ทางโตโยต้าต้องการจะบอกให้โลกรู้ว่า “คนญี่ปุ่นหากตั้งใจจริงก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก” ซึ่งแม้จะไม่สามารถเขย่าบัลลังก์ของเบนซ์จนร่วงลงมาได้ แต่ทำให้ฝรั่งตาน้ำข้าวได้ทึ่งว่ารถญี่ปุ่นก็เจ๋งเหมือนกัน ส่วนในตระกูลจีเอสนี้ ถือว่าเป็นรถสายพันธุ์สปอร์ตซีดานที่มีกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 และได้สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับเลกซัสมาได้ 20 กว่าปีแล้ว โดยที่รถในเจเนอเรชั่นแรกนั้น เป็นผลงานรังสรรค์ของปรมาจารย์ จูเจียโร่ จากอิตัลดีไซน์ แห่งเมืองตูริน ประเทศอิตาลี และแผนแบบนั้นก็ถูกใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์ของ
จีเอสมาถึง 3 เจเนอเรชั่น ด้วยรูปลักษณ์หน้ายาว ท้ายสั้นยกสูง เน้นความลู่ลม และภายในที่เน้นเออร์โกโนมิกส์ โดยแผงควบคุมหันเข้าหาคนขับ สำหรับรถทั้ง 3 เจเนอเรชั่นในปัจจุบันยังได้รับการยอมรับว่ามีรูปทรงที่โดดเด่นและยังคงได้ รับความนิยมในหมู่ผู้นิยมซีดานสปอร์ตพันธ์ุหรู (โดยเฉพาะเจเนอเรชั่นที่ 3 นั้น ผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ)
แต่สำหรับรถเลกซัส จีเอส 250 เอฟ สปอร์ต ที่เราทำการทดสอบกันนี้ ได้สร้างสรรค์รูปทรงขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่มีการอิงแนวคิดของจูเจียโร่อีกต่อไป โดยหันมาใช้แนวคิดที่เรียกว่า แอล ไฟเนส ซึ่งเป็นปรัชญาด้านพื้นผิวที่แสดงออกถึงสุนทรียภาพและความลื่นไหลของพื้นผิว ที่งดงาม อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เลกซัส ในด้านของการออกแบบนั้นต้องยอมรับเลยว่าเลกซัสทุ่มเทในการที่จะสร้างจุดขาย ให้กับรุ่นจีเอส ซึ่งเป็นรถซีดานหรูขนาดกลางที่เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ด้วยตนเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการออกแบบรถยนต์ระดับหรูหราก็คือ บุคลิกภาพที่งามสง่าและมีเอกลักษณ์ที่สามารถจดจำได้ ในประเด็นด้านนี้ เลกซัสในฐานะที่เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีอายุอานาม 20 กว่าปี ซึ่งหากเทียบกับรถยนต์จากค่ายยุโรปที่มีอายุขัยเกินกว่า 60 ปี แทบจะทั้งนั้น (และถ้าเป็นเบนซ์แล้วล่ะก็ มีอายุกว่า 120 ปี) เลกซัสนับว่ายังอยู่ในขั้นวัยรุ่นที่พยายามค้นหาตัวเอง แต่เลกซัสก็สามารถสร้างโฉมหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ได้ในที่สุด ฝรั่งเขาวิพากษ์วิจารณ์กันว่ากระจังหน้าของเลกซัสนี้ดูมีรูปร่างเหมือนกับ “หลอดด้าย” ซึ่งผู้เขียนเองก็คิดว่าเหมือนเช่นกัน แต่มันก็เป็นดีไซน์ที่ดูดีทีเดียว เพราะเป็นโฉมหน้าที่เคร่งขรึม จริงจัง และแฝงไปด้วยพลัง รูปลักษณ์ภายนอกมุมอื่น ๆ อาจจะดูคล้ายกับซีดานรุ่นน้อง อย่างรุ่นไอเอส แต่ก็เป็นรถยนต์ที่มีส่วนสัดลงตัว และหากมีการเน้นมัดกล้ามอีกสักนิดจะดูดีขึ้นมาก
ส่วนการออกแบบภายในนั้น นับว่าฉีกแนวจากรุ่นก่อน ๆ ไปชนิดไม่เหลือเยื่อใยใด ๆ จีเอสใหม่นี้เลือกที่จะใช้แผงคอนโซลที่แผ่ซ้ายจดขวาตามแบบสมัยนิยม หรูหราภูมิฐานมากกว่าแบบเดิม ซึ่งจุดที่โดดเด่นและเติมความขลังให้กับห้องโดยสารก็คือ นาฬิกาแบบอนาล็อก
ส่วน “ของเล่นไฮเทค” ก็นับว่าจัดมาให้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีจากอากาศยานอย่างระบบเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (HUD) ที่จะฉายตัวเลขแสดงความเร็ว และรอบเครื่องขึ้นบนกระจกหน้ารถ ทำให้เราไม่ต้องละสายตาจากถนนมามองมาตรวัดความเร็ว หรือจอแสดงข้อมูลการขับขี่ การนำทาง และระบบความบันเทิงที่สั่งงานผ่านเมาส์อัจฉริยะที่มีระบบตอบโต้กับผู้ใช้งาน ส่วนผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ เลกซัสได้จัดรูปแบบการตอบสนองของช่วงล่าง และการตอบสนอง รวมทั้งเสียงของเครื่องยนต์ (เสียงเครื่องไพเราะจนน่าแปลกใจ!) ให้คุณได้เลือกเพียงการบิดเบา ๆ ผ่านทางลูกบิดขนาดพอเหมาะด้านหลังคันเกียร์อัตโนมัติ
สรุป นี่คือซีดานหรู พันธุ์สปอร์ต ที่คุณต้องลองให้ได้ แล้วคุณจะเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับรถยนต์จากญี่ปุ่นไปเลยก็ว่าได้.
นุ่มสบายฟิลลิ่งรถยุโรป
ป้ายแดงชวนขับอาทิตย์แรกของเดือนเมษายนนี้ได้ ลูกตาล-ปาลีรัฐ ปานบุญห้อม นักแข่งรถจากพีทีที เพอร์ฟอร์มา ดริฟท์ ทีม มาทดสอบรถยนต์เลกซัส จีเอส 250 รุ่นเอฟ สปอร์ต ลูกตาลบอกว่าดูจากแคตตาล็อกระบุว่าหน้าตาเลกซัสดูดุดัน แต่เมื่อสัมผัสตัวจริงกลับรู้สึกว่ารถราคาแพงเกินตัวเลยไม่ตื่นเต้น แต่ถ้าเป็นเลกซัสรุ่นที่ลูกตาลชอบมากคือรุ่นไอเอส 250

เมื่อเปิดประตูเข้ามาชมภายในลูกตาลยังรู้สึกเฉย ๆ อาจเป็นเพราะคาดหวังว่าน่าจะมีความโดดเด่นอลังการกับราคาที่มากกว่า 4 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ทึ่งตั้งแต่แรกเห็น แต่รถคันนี้ก็มีฟังก์ชันการใช้งานเยอะ เช่น ที่พักแขนกว้าง ห้องโดยสารโอ่โถง เบาะนั่งสบายรับกับสรีระ จอบนหน้าปัดดูง่าย ทัศนวิสัยดี แต่ที่ทำให้งงคือตัวเลขอัตราความเร็วที่แสดงบนกระจกด้านหน้าคนขับ เพราะต้องคอยขยับตัวออกมาด้านหน้านิดนึงจึงจะมองเห็นได้ชัดเจน ส่วนนาฬิกาบนคอนโซลหน้าสวยดี ดูแปลกตา ไม่ค่อยพบในรถคันอื่นเพราะทำออกมาให้ดูคลาสสิก
ลูกตาลบอกว่า ช่วงออกตัวได้ลองใช้ทั้งโหมดอีโค โหมดปกติ และโหมดสปอร์ต ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่นใช้โหมดสปอร์ต กับสปอร์ต เอส พลัส ถ้าขับในช่วงรอบระดับ 3,000 รอบ/นาทีขึ้นไป พบว่าโหมดสปอร์ต เอส พลัส ให้อารมณ์ปรู๊ดปร๊าดทันใจกว่า เปรียบเหมือนกับการใส่เกียร์รอไว้เลย แต่ว่าข้อเสียที่เห็นก็คือ รถกินน้ำมันมาก ต่างจากการใช้โหมดอีโค ที่ความเร็วรถจะค่อย ๆ ขึ้นและประหยัดน้ำมันมากกว่า
ช่วงล่างดีมาก นั่งสบายแม้ตกหลุม เจอคอสะพานไม่ค่อยมีอาการกระด้าง เมื่อเทียบกับเบนซ์ รุ่นซีแอลเอสที่ตอนเข้าโค้งเร็วรถเกาะถนนดีมากแต่เมื่อใช้ในชีวิตประจำวันจะ ขับไม่สนุกเพราะแข็งกระด้าง แต่เลกซัสคันนี้โอเคทั้งเรื่องเข้าโค้ง และการใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งทางเรียบที่วิ่งสบาย ๆ หรือถนนขรุขระ เนื่องจากช่วงล่างนุ่มนวล อย่างไรก็ตามข้อเสียของเลกซัสก็คือ ตัวล็อกไม่ทำงานเมื่อจอดรถ หรือกรณีจอดตามเนินหรือคอสะพานพบว่ารถจะไหล ลูกตาลอธิบายว่า เวลาปรับโหมดการใช้งานยุ่งยาก เนื่องจากการวางตำแหน่งฟังก์ชันใช้งาน (สำหรับดูข้อมูลในจอบนแผงหน้าปัด) ไม่เหมาะสม เพราะตัวควบคุมอยู่ใกล้ตัวมากเกินไป รวมทั้งตัวเลือกในระบบ (เคอร์เซอร์บนหน้าจอด) ทำงานเร็วเกินไป ทำให้ไม่เหมาะถ้าหากจะขับรถไปพร้อมกับการเลือกใช้ฟังก์ชัน หากเทียบกับระบบไอไดรฟ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ใช้การหมุนล็อกคอนโทรลได้ ง่ายกว่า
“ฟังก์ชันการใช้งานค่อนข้างยาก คนขับไม่สามารถมานั่งเล่นฟังก์ชันอะไรได้เลย ยกเว้นใช้งานไปนาน ๆ อาจจะคุ้นเคย แต่ถามถึงความประทับใจเลกซัส จีเอส 250 ก็คือมี
ฟังก์ชันการใช้งานครบ เพียงแต่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม โดยรวมแล้วถือว่ารถมีดีไซน์ไม่ได้โดดเด่นออกจากความเป็นรถญี่ปุ่น แม้ว่าราคาแพง เชื่อว่าเลกซัสคงเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหาร อย่างไรก็ดี ถ้ารถราคาระดับนี้ก็ยังมีตัวเลือกในตลาดอีกเยอะ ถ้าเป็นราคาที่ขายในเมืองนอกลูกตาลคงจะให้ 5 ดาวทั้งหมด แต่ในเมืองไทยคิดว่าแพงเกินไป”
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นที่ลูกตาลให้คะแนนสูงคือด้านความสะดวกสบาย ขับสบาย นั่งสบาย เบาะหลังที่กว้างใหญ่ ทำให้คนนั่งรู้สึกสบายแน่นอน จุดติคือ การดีไซน์ยังไม่ทิ้งความเป็นรถญี่ปุ่น ระบบไฟฟ้าสำหรับปรับเบาะนั่งคู่หน้าอยู่ต่ำ ทำให้ต้องคลำหาการปรับที่นั่ง.
เรื่อง เนตรนภางค์ บุญนายืน ภัทรกิติ์ โกมลกิต ภาพ กมลชนก เจริญจินดารัตน์


คลิกเข้าชมรายละเอียดที่นี่

http://www.dailynews.co.th/article/1546/19958

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

บ้านไม้สไตล์กระท่อมสวยภายในมีเฟอร์เจอร์ครบครันขนาดกำลังน่ารักมาก




บ้านแบบประหยัด

ทรงกระท่อมที่สร้างได้ง่าย


เหมาะเป็นที่อาศัยหรือพักผ่อน




ตัวบ้านใช้เหล็ก

ปลูกเสาใหญ่ๆหนึ่งต้น

และมีเสาสำรองอีกสี่มุม

ส่วนภายในตัวบ้านสร้างและแต่งด้วยไม้




ด้านหน้า...



ห้องครัว...ด้านบนเป็นชั้นลอย



แต่งด้วยกระจก...ไม่พลาดการชมวิวได้รอบๆบ้าน



หากเปิดประตูหลังบ้านจะมีปีกออกมาแบบนี้ อันที่จริงเขาออกแบบให้เปิดได้ีรอบบ้าน

เมื่อเปิดออกมาจะมีกระจกใสกันอยู่...เอาเป็นว่าเช้ามาเปิดรับแสงอาทิตย์

พอร้อนหน่อยก็ปิดไปเปิดอีกด้าน...

แบบบ้านสไตล์กระท่อมสวยหลังนี้สวยและเหมาะนำไปประยุกต์ใช้งานได้ดีที่เดียว

บ้านทรงสวยสไลต์โมเดิร์นหลังใหญ่หรูเนื้อที่เยอะสร้างเป็นออฟฟิตไปด้วยในตัว

หน้าบ้านมีสระน้ำ..หากมองไปที่ตัวบ้านจะเห็นว่าบ้านชั้นทำด้วยไม้เป็นตัวบ้าน


ปลูกตามพื้นที่ที่มีลักษณะตามรูปของที่ดิน...คือเดินตัวบ้านที่มีรูปทรงยาว





เป็นการโพสต์จากที่สุงให้เห็นเนื้อที่ใกล้เครียง...เป็นหมู่บ้านนักธุริกิจ...ทุกบ้านมีสระน้ำเหมือนๆกันหมด

เนื้อไม้สีน้ำตาลเด่นสวย

ชมรอบๆแล้ว ก็มาชมภายในบ้าง....

ด้วยว่าเป็นบ้านที่มีเนื้อเยอะ....

ใช้เป็นออฟฟิตไปด้วยในตัว...

ชมภายในมาแล้ว...มีหลายห้อง...เครื่องตกแต่งครบครัน


บ้านหลังนี้อยู่ในเมืองดาลัส..เท๊กซัส อเมริกา..เอง


ดาลัสสมญานามเมืองคาวบอยส์...แต่บ้านหลังนี้...ไม่มีกลิ่นอายของคาวบอยส์แม้แต่น้อย

สไตล์การจัดวางเฟอร์ดีมีจังหวะ...ไม่ดูเยอะไปหรือน้อยไป....เป็นการทิ้งระยะพอสวยและเหมาะ

ปกติ...ห้องหรือออฟฟิตใหญ่แบบนี้...ต้องใช้คนที่มีฝีมือไอเดียดี...มาลงคือแต่งห้องนี้ก็คงใช้ผู้ชำนาญในการตกแต่งด้วยแน่นอน

ชั้นล่างนี้ใช้พื้นที่คุมค่ามากๆ



สุดท้ายเป็นการดูห้องครัว...คาดว่าเป็นห้องที่ทำงานหนักอีกห้องหนึ่งอาจจะพอๆกับห้องรับแขก

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

บ้านหลังใหญ่โตอลังการ มีห้าห้องนอนใหญ่ไม่ใหญ่ก็ดูเอาก็แล้วกัน


ตัวตึก(บ้าน)ที่เก่าแก่แล้วมากๆแต่อยู่ในสภาพสมบูรณ์

เปียโน..ทำให้คิดถึงการเยี่ยมบ้านคุณหมึก ในรายการที่นี่หมอชิต

คุณหมึกมีเปียโนไว้ให้แขกที่มางานเลี้ยงที่บ้านเธอได้บันเทิงกัน

คุณหมึกแดงเล่าว่า..ตัวของเธอเองนะเล่นไม่เป็นหรอก...


ยังไม่เจอข้อความว่าสร้างแต่ยุดไหน...แต่พอเดาได้ว่าอายุราวๆร้อยอัพ...





เป็นห้องครัว

ชอบบ้านที่มีบันแบบนี้ ...ท่าทางน่าสนุก ได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัว


ตรงใต้ภาพที่โชว์ไว้ตรงผนัง...มีดาบคู่อยู่ด้วยสวยแปลกดี..นี่เป็นห้องที่อยู่ชั้นสอง


อ้าวนี้ก็ห้องที่อยู่ชั้นสองเช่นกัน



ห้องนี้ก็ใช่เป็นห้องเหมือนกัน แต่ปรับให้เป็นออฟฟิต..ก็คือไว้นำงานมาทำด้วย

หากง่วงก็ไม่ต้องเดินไกล...แค่ล้มตัวลงนอนหลังสบายอิอิ

ก็เป็นบรรยากาศบริเวณ..ที่อยู่รอบๆเพื่อนบ้านด้วยกัน....


โอ้เจอแล้วๆ..เขาเล่าบ้านหลังนี้สร้างเมื่อปี 1940 ...มันนานเท่าไรแล้วละ....


อืมมม์อันที่จริงบ้านหลังนี้กำลังบอกขายอยู่น่ะ...มีใครสนใจหรือเปล่าเอ่ย?หากชอบก็เตรียมปัจจัยไว้เลยนะค่ะ


มาลงภาพต่อมีอีกไม่กี่ภาพ

ห้องนอน...

สวยเนอะ..ชอบสีอิฐของบ้าน...


คงเป็นบริเวณ..บ้านเพราะว่าบ้านหลังนี้มีสนานหญ้า..อีกทั้งมีสวน...และก็อีกด้านหนึ่งอยู่ติดกับทะเลสาบ

กลับมาชมภายในอีกครั้งแต่คนละมุนบ้าน....

สวยเนอะแม้ว่าจะเก่ามากๆ..แต่ดูยังคงทนใช้งานได้อีกร้อยกว่าปี....

ก็เหมือนอย่างที่พูด..ว่าสวย...

นี่มาแล้ว...สวนสวยๆ

นี่ก็ด้านที่อยู่ติดทะเลสาบ...

เอ้ทำไมภาพนี่เพิ่งมา...ไปหลงอยู่แน่ๆเลยกำลังจะเก็บข้าวของกลับบ้านอยู่พอดีเพราะลงภาพหมดแล้วและหมดเรื่องคุยด้วย....งั้นลากันที่ตรงเลยละค่ะ...บ๊ายยยย

'กรี๊ดสลบ'! รวมวิธีเพิ่มคัพกับ 'The Bunny Bra' อึ๋มจนหนุ่มเหลียวหลังมอง!

เพราะไลฟ์สไตล์สาวๆ ยุคนี้ มีอะไรให้ทำตั้งเยอะ จะดีแค่ไหน ถ้าคุณมี “บรา” ที่รู้ใจ ที่พร้อมจะอัพเสน่ห์ไปกับคุณทั้งวัน ไม่ว่าจะยามทำงาน เล่นกีฬา หรือว่าดินเนอร์สุดหรู สัมผัสนิยามใหม่ใน “บราดันทรง” ที่ใครต่อใครกำลังพูดถึง...
พบกับ “The Bunny Bra” จาก “Playboy Intimates” รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท ไคร่า โมด จำกัด ที่มอบ 3 คัพไซส์ใน 1 บรา ง่ายๆ ด้วยแผ่นฟองน้ำพิเศษ 2 เซต หรือคุกกี้ที่ใส่และถอดออกได้อย่างง่ายดาย ทุกที่ ทุกเวลา กับสีสันคอลเลกชั่นใหม่สดใสรับซัมเมอร์ ขอแนะนำว่าสาวๆ ไม่ควรพลาดการเป็นเจ้าของ!

 ลืมไปได้เลยชุดชั้นในยกกระชับทรวงอกแบบเก่าๆ ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับขนาดของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ แถมไม่สบายตัว แล้วเปลี่ยนมาลองบรา “The Bunny Bra” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดแต่งกายบันนี่ของสาวๆ บันนี่เกิร์ล ไอคอนแห่งความเซ็กซี่ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันดี และยังมีดารานักร้องมากมายที่เคยใส่ชุดแต่งกายบันนี่มาแล้วจำนวนมาก โดยชุดแต่งกายบันนี่ถูกออกแบบและทำขึ้นมาตั้งแต่ปี 1960 และยังคงความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้หรือ 52 ปีมาแล้ว เหตุผลเพราะทำให้สรีระของผู้หญิงโดดเด่น ดูดีในทุกมุมมอง โดยเฉพาะทรวดทรงของหน้าอก ถูกเพิ่มขนาดให้ดูอวบอิ่ม และเนินอกชิดกันยิ่งขึ้นเสมอ

คลิกชมรายละเอียดต่อที่นี่....http://www.thairath.co.th/content/life/247128

สปอร์ตสุดหรู"เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที"

สัมผัสสปอร์ตสุดหรู เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที กับขุมพลังวี8 ที่ให้กำลัง 500 แรงม้า กับค่าตัว 18.9ล้านบาท


ช่วงนี้ต้องถือว่าเป็นช่วงเศรษฐีเค้าใช้เงินกันจริงๆ เพราะเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัท มิลเลียนแนร์ ออโต้ (ประเทศไทย) ตัวแทนจำหน่ายสุดยอดยนตรกรรมระดับหรูของโลกอย่าง โรลส์-รอยซ์ รายล่าสุด ก็ประกาศชัดเจนว่าจะนำเข้า โรลส์-รอยซ์ โกสต์ เข้ามายั่วน้ำลายเศรษฐีชาวไทย ด้วยราคาประมาณคันละ 28 ล้านบาท
แว่วมาว่าตอนนี้มียอดจองกันแล้ว 3 คัน ขณะที่ทั้งปีตั้งเป้าขายไว้ที่ 12 คัน
ขณะที่รถหรูแบรนด์น้องๆ โรลส์-รอยซ์ อย่าง เบนท์ลีย์ ที่มีบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย ก็ต้องขยับตัวหน่อย หลังจากนิ่งมานาน
ด้วยการประกาศเปิดตัว เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที วี8 (Continental GT V8) อย่างเป็นทางการ กันแบบชัดๆ หลังจากที่ คอนติเนนตัล จีที วี8 นี้เพิ่งเปิดตัวในงาน North American International Auto Show หรือที่เรียกกันว่า ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมานี้เอง
เรียกได้ว่า ไวปานกามนิตหนุ่มจริงๆ

เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที วี8 นั้นมาพร้อมกันทั้งหมด 2 รุ่นครับ คือ คอนติเนนตัล จีที (Continental GT) คือรุ่น 4 ประตู และ จีทีซี (GTC) หรือรุ่นเปิดประทุน
จะว่าไปแล้วจุดเด่นของเบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที วี8 ก็คือเครื่องยนต์ วี8 นั่นแหละครับ เพราะรูปร่างหน้าตาก็จะคล้ายๆ กับเบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที ครับ จะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็กระจังหน้าแบบตาข่ายสีดำวาว มาพร้อมกับกรอบและแถบกลางแนวตั้ง กันชนด้านล่างแบบ 3 ส่วนมาพร้อมกับช่องดักอากาศสีดำและลายสีสันที่ตัดกัน
ท่อไอเสียที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยปลายท่อคู่แบบ “Figure Eight” โลโก้ “B” จาก Bentley สีแดงประดับอยู่บนตะแกรงทางด้านหน้าและฝากระโปรงทางด้านหลัง รวมถึงดุมล้ออีกด้วย
ส่วนห้องโดยสารภายในไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหรูครับ ทั้งจากลายไม้คุณภาพสูงใหม่ล่าสุด Dark Fiddleback Eucalyptus ออกมาเฉพาะสำหรับรุ่น วี8 นี้เท่านั้น
ผ้าบุหลังคาแบบ Eliade ที่ละเมียดละไม คอนโซลกลางที่กะทัดรัดมากขึ้น สี Hide Colours แบบมาตรฐานมีให้เลือกถึง 4 สี หนังภายในแบบทูโทน หรือ 2 สีที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
แล้วเจ้า เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที วี8 ที่บอกว่าเครื่องยนต์ใหม่นั้น ใหม่ยังไง เครื่องแรงขึ้น ใหญ่ขึ้นหรือเปล่า ก็ต้องบอกก่อนครับว่าความใหม่ของเครื่อง วี8 นี้ คือเป็นเครื่องที่เล็กลง คือใช้เครื่องยนต์ขนาดแค่ 4.0 ลิตรเท่านั้น แต่มี Twin Turbocharged V8 พ่วงติดมาด้วย
แต่หากเป็นรุ่นคอนติเนนตัลปกติ ก็ต้องเป็นเครื่องยนต์ 6 ลิตร 12 สูบ ที่ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ Flagship จากเบนท์ลีย์ได้ และเครื่องยนต์ชนิดนี้จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ Twin-turbocharged W12 ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 631 แรงม้าเลยทีเดียว

เครื่องยนต์ วี8 จากเบนท์ลีย์ มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 500 แรงม้า (507PS/373 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 660 นิวตันเมตร (487 lb ft) ที่ระหว่างรอบเครื่องยนต์ 1,700-5,000 รอบ/นาที เอาเป็นว่าแค่ออกตัวหลังก็ติดเบาะแล้วครับ
สมรรถนะของเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ได้มาง่ายๆ นะครับ แต่มาจากเทคโนโลยีชั้นสูง ทั้งระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง หรือ Direct Injection แบบแรงดันสูง (High Pressure) อีกทั้งยังมีแบริงที่มีแรงเสียดทานต่ำ ระบบการจัดการอุณหภูมิ (Thermal Management) และระบบนำพลังงานมาใช้ใหม่ (Energy Recuperation) ยิ่งกว่านั้นรถคันนี้ยังมีการติดตั้งเทอร์โบชาร์เจอร์ที่เป็นนวัตกรรมชั้น เยี่ยมเข้าไปเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีก ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ทำการปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น ทำให้รถคันนี้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีกว่าๆ เท่านั้น แถมมีความเร็วสูงสุดที่ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย
ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองยังไม่รู้ แต่เค้าบอกว่าประหยัด แต่คำว่าประหยัดสำหรับเศรษฐีไม่น่าจะเป็นความหมายเดียวกับของเราๆ ท่านๆ แต่ที่แน่ๆ เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังรถเบนท์ลีย์เครื่องยนต์ วี8 คันนี้จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตรเลยทีเดียว หุหุ แต่ไม่ได้บอกมาด้วยว่าเต็มถังนะพี่ท่านต้องใส่ไปกี่ลิตร ถ้า 120 ลิตรละก็ วะฮิ้ววววววววว
สนนราคาค่าตัวของเบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล วี8 นั้นอยู่ที่ 18.9 ล้านบาท แลกกับรถระดับไฮคลาส แถมด้วยสิทธิการรับประกันจากโรงงานเบนท์ลีย์ประเทศอังกฤษ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
เฮ้อ....อิจฉาคนมีสตางค์จริงๆ


คลิกเข้าชมภาพ ได้ที่นี่...http://www.posttoday.com/