วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เมอร์เซเดส-เบนซ์อี250 ซีจีไอ คาบริโอเลต์

โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล



ความพยายามในการหารถยนต์รูปแบบใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองความต้องการของเศรษฐีที่ไม่หวั่นว่าจะต้องเสียเงินจำนวนมากกว่าปกตินั้น เป็นแนวทางที่ถือกันมาอย่างแพร่หลายในกลุ่มบรรดาผู้ประกอบการรถยนต์หรูหราอยู่แล้ว แต่เริ่มคึกคักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เมื่อบรรดาบริษัทแม่และตัวแทนจำหน่ายหลักเริ่มหันมาบุกตลาดตรงนี้มากขึ้น
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก็เป็นอีกหนึ่งค่ายที่เริ่มหันมาจับตลาดรถยนต์นำเข้าอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในรุ่นอี-คลาสใหม่ ที่นอกจากจะขนทุกอนุพันธ์ของอี-คลาสเข้ามาทำตลาดแล้ว ยังต้องถือว่าเป็นการแตกแขนงของสินค้าที่ค่อนข้างเร็ว เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา
และแน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดที่จะนำอี-คลาส เจ้าของค่าตัว 5.199 ล้านบาท มาลองขับเสียหน่อย ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ลดลงมาแล้วจากราคาเดิมที่เคยประกาศไว้ 5.599 ล้านบาท โดยค่าตัวที่หายไป 4 แสนบาท เป็นผลมาจากการที่รถรุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถใช้เชื้อเพลิง อี20 ได้ ทำให้ได้สิทธิภาษีพิเศษกันไป
แต่แม้จะเติม อี20 ได้แล้วก็ตาม อี-คลาส คาบริโอเลต์คันนี้ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ซีจีไอรุ่นใหม่ล่าสุด ก็ไม่ได้ลดสมรรถนะของตัวเองลงไป แต่กลับเพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ที่แตกต่างมากขึ้น จากรถยนต์รุ่นซีดาน 4 ประตู หรือแม้แต่คูเป้ก็ตาม
รถที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เลือกมาให้ทำการทดสอบเป็นสีฟ้า ที่มีหลังคาอ่อนสีฟ้าเข้ากันดีกับตัวรถ โดยเบนซ์ระบุว่าหลังคาอ่อนของรถคันนี้เป็นหลังคาผ้าแบบ 3 ชั้น เพื่อป้องกันความร้อนและเสียงรบกวน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ต้องบอกว่าสอบผ่านแบบไม่มีข้อกังขาอะไร
เปิดประตูบานขนาดใหญ่กว่าปกติออกมา แล้วก้าวเข้าสู่ตัวรถ แม้จะเป็นคนตัวไม่สูงมาก แต่ก็เอาหัวโขกเข้ากับหลังคาอ่อนเบาๆ พอที่จะเตือนให้รู้ว่าจะก้าวเข้ารถคันนี้ต้องระวังให้ดี เพราะตัวเสาเอของรถออกแบบมาลาดเอียงรับกับหลังคาอ่อนและตัวถังแบบคูเป้ 2 ประตู
เข้ามาในตัวรถแล้วถือว่ากว้างขวางกว่าที่คิด ตำแหน่งเบาะที่นั่งเมื่อปรับให้อยู่ในตำแหน่งการขับขี่ที่ถูกต้องแล้ว เหลือบสายตาไปมองด้านหลังต้องถือว่าเป็นรถคูเป้ ที่ด้านหลังนั่งสบายเอาเรื่องอยู่ มีพื้นที่วางขาค่อนข้างเหลือเฟือ แต่ก็เหมาะสมกับผู้โดยสารแค่ 2 คนแยกตามที่นั่งเท่านั้น
ลองเปิดหลังคาดูครับ ระบบเปิดหลังคาแบบไฟฟ้าทั้งหมดของรถคันนี้ โดยส่วนตัวผมว่ายังไม่ค่อยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเท่าที่ควร เพราะผู้ที่จะเปิดหลังคาจำเป็นต้องกระโดดเข้าไปนั่งในตัวรถ แล้วกดสวิตช์ปิด-เปิดค้างไว้จนกว่าจะทำการเปิดหรือปิดเสร็จ
ซึ่งแต่ละขั้นตอนใช้เวลาราวๆ ครึ่งนาทีครับ ถ้าอยากรู้ว่าเรียบร้อยหรือยังก็สามารถดูได้จากจอแสดงผลเล็กๆ ด้านหน้าที่จะคอยบอกว่าจัดการเสร็จเรียบร้อยหรือยัง ตอนเปิดไม่ค่อยมีปัญหาครับ แต่ตอนปิดหลังคานี่เสียงดังจนน่ากลัวเอาเรื่องเหมือนกัน ปิดครั้งแรกถึงกับสะดุ้งกันเลยทีเดียว
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังถูกบีบให้แคบลงตามพื้นที่ของห้องเก็บหลังคาอ่อน แต่ก็จุของได้เยอะตามแนวลึกของช่องเก็บของท้ายรถ แต่ก็ถูกบีบพื้นที่เข้า-ออกของสัมภาระให้แคบลงไปอีก ทำให้สัมภาระชิ้นใหญ่ๆ อาจจะลงไปในห้องเก็บของไม่ได้ ซึ่งเป็นจุดบอดของรถแบบนี้อยู่แล้ว
เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงขนาด 1,796 ซีซี ที่ตามสเปกให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,300 รอบต่อนาที ที่เคยออกตัวปรู๊ดปร๊าดเมื่อตอนที่อยู่ในซี-คลาส มาออกอาการขี้เกียจเล็กน้อยในช่วงออกตัวเมื่อประจำการในรถที่ขนาดตัวถังใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้นระยะออกตัวไปแล้ว การเรียกกำลังของเครื่องยนต์สามารถทำได้อย่างง่ายดาย และพารถทะลุความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปได้ด้วยเวลาราว 8-9 วินาทีเท่านั้น มากกว่าที่สเปกระบุเอาไว้เล็กน้อย แถมยังลากเลื้อยออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ช่วยลากรอบเครื่องยนต์แต่อย่างใด
ระบบช่วยเหลือต่างๆ ในตัวรถทำให้สามารถใช้สมาธิกับการควบคุมรถได้อย่างเต็มที่ ระบบที่ได้ใช้งานก็คือระบบเตือนลมยางที่เตือนด้วยอาการหน้าปัดแดงแจ๋ จนกระทั่งต้องโทร.ขอความช่วยเหลือจากทีมงานของค่ายตราดาวช่วยรีเซต ไม่งั้นต่อให้เช็กลมแล้วก็ไม่ยอมเลิกเตือน
Credit : http://www.posttoday.com/ยานยนต์/ทดลองขับ/73828/ลองขับ-เมอร์เซเดส-เบนซ์อี250-ซีจีไอ-คาบริโอเล

แม้จะขับด้วยความเร็วปานกลางถึงสูงเกือบตลอดเวลาที่ใช้ในการทดสอบ อี250 ซีจีไอคันนี้ก็ให้อัตราการสิ้นเปลืองที่น่าพอใจในระดับ 8-9 กิโลเมตรต่อลิตร ประกอบกับช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจ ระบบการเก็บเสียงที่ดีเยี่ยมแม้จะเป็นรถเปิดประทุนหลังคาอ่อนก็ตาม
ถือเป็นรถอีกคันที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับคนที่พอมีเงินเหลือ และต้องการความโดดเด่นแตกต่างมากกว่ารุ่น 4 ประตูทั่วไป แม้ราคาจะแพงกว่ากันหลักล้านก็ตามที!!