วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"ป๋าเปรม" เป็นประธานงานประมูลภาพหาทุนให้นักศึกษาศิลปะ

"ป๋าเปรม" เป็นประธานงานประมูลภาพหาทุนให้นักศึกษาศิลปะ "สุรยุทธ์-อนุพงษ์-ดาว์พงษ์" เข้าร่วมงาน ไร้เงาผบ.เหล่าทัพ บริษัทห้างร้านดังๆ ร่วมเข้าประมูลภาพวาด 36 ภาพ

วันนี้ ( 18 ธ.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่โรงแรมดุสิตธานี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบทุนและประมูลจัดหาทุนส่งเสริมการศึกษาการสร้างสรรค์ศิลปะ มูลนิธิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประจำปี 2555  ซึ่งงานดังกล่าวได้จัดต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยจะพิจารณาคัดเลือกนิสิตนักศึกษาด้านศิลปะ จากสถาบันที่มีการเรียนการสอนด้านศิลปะในระดับอุดมศึกษาจากทั่วประเทศ จำนวน 80 ทุน โดยพล.อ.เปรมกล่าวว่า พวกเราได้ร่วมกันทำบุญมาแล้ว12 ปี ในการมอบทุนให้กับนักศึกษา ทำให้เกิดความชื่นใจและเบิกบานใจ ตนอยากเรียนให้ทราบว่า ท่านได้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ชาติของเรา เพราะระลึกถึงนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียน ซึ่งผู้อื่นเห็นจะต้องยกย่องชมเชย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ต่อยอดคุณงามความดีให้เห็น ในบ้านเมืองของเรา ในการตอบแทนคุณแผ่นดินอย่างที่ทำกันมา 12 ปี และได้มอบเงินไปแล้ว 22 ล้านบาท ขอให้โปรดภูมิใจในตนเอง ครอบครัว และวงตระกูลตัวเองว่าได้ทำความดีกับประเทศชาตินี้แล้ว

      

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความชื่นมื่น โดยพล.อ.เปรมมีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานจำนวนมาก เช่น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิรัฐบุรุษพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ. รวมทั้งนักการเมือง อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม  และบริษัทห้างร้านต่างๆ เข้ามาร่วมประมูลภาพวาดจำนวน 36 ภาพ จากศิลปินแห่งชาติและศิลปินอาวุโส แต่ไม่มีผบ.เหล่าทัพเข้าร่วม






"ป๋าเปรม" เป็นประธานงานประมูลภาพหาทุนให้นักศึกษาศิลปะ

ที่มา นสพ เดลินิวส์

หยุดอายุแก่ไม่ได้แต่ดูแลผิวสวยได้

การดูแลผิวพรรณให้ดูดีเป็นเรื่องที่ทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงควรให้ความสำคัญ ยิ่งใกล้เทศกาลสำคัญต่าง ๆ มากมาย หลายคนห่วงแต่มอบของขวัญให้ผู้อื่นจนลืมดูแลและมอบของขวัญให้ตัวเอง หมอแวนด้า-พญ.ศิริวรรณ ตั้งเจริญชัยชนะ แห่งเฮลท์อเวนิวคลินิก กล่าวในงานไวท์ คริสต์มาส ปาร์ตี้ ว่า ใกล้เทศกาลแห่งความสุขอย่าลืมมอบความสุขและความสวยให้ตัวเองด้วย โดยเฉพาะผู้หญิงไม่ว่าอยู่ช่วงวัยใดควรดูแลผิวพรรณให้ดูดีเสมอ ปัญหาหลักเมื่อผู้หญิงอายุเพิ่มขึ้นได้แก่ ความหมองคล้ำจุดด่างดำสีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดจากความบกพร่องในการซ่อมแซมตัวเองของการสร้างเม็ดสี และปัญหารูปตาที่เปลี่ยนไปคิ้วตกหนังตาตกร่องน้ำตาลึกใต้ตาคล้ำ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดจากการที่เบบี้แฟตบนใบหน้าสลายไปทำให้ขมับแบนแก้มตกจนเกิดปัญหาของกรอบตา การดูแลผิวพรรณเป็นสิ่งสำคัญอย่าปล่อยปละละเลยเพราะไม่สามารถหยุดอายุความแก่ได้ แต่สามารถชะลอหรือแก่อย่างสวยงามได้ และเมื่อผู้หญิงสวยจะมีความสุขเพราะฉะนั้นอย่าลืมมอบความสุขให้แก่ตัวเองด้วย
  
รับความรู้เบื้องต้นจากหมอแวนด้าไปแล้ว ลองมาฟังปัญหาของบรรดาเซเลบริตี้สาว ๆ ที่มาร่วมเปิดใจถึงปัญหาผิวพรรณต่าง ๆของตัวเอง เริ่มที่ คริสตี้-คริสติน่า เศรษฐบุตร บอกว่าไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองเพราะต้องดูแลลูกและสามี ตอนนี้อายุเพิ่มขึ้นเริ่มมีปัญหาผิวพรรณไม่สดใสและใต้ตาเริ่มมีรอยย่นมากขึ้น หลังรับฟังปัญหาหมอแวนด้าแนะว่าจริง ๆ แล้วการทำทรีตเมนต์เพื่อดูแลผิวพรรณ และการฟื้นฟูผิวสามารถเลือกประเภททรีต


เมนต์ที่ไม่ต้องเสียเวลามาก และผลอยู่ได้นาน ปัญหาผิวพรรณไม่สดใสสามารถใช้เลเซอร์ในการปรับคุณภาพผิวเป็นครั้งคราวควบคู่ไปกับการทาครีมบำรุง ส่วนริ้วรอยรอบดวงตาอาจใช้การฉีดโบท็อกซ์ช่วยปีละ 2 ครั้ง แค่นี้ก็สามารถทำให้สวยโดยไม่ต้องเข้าคลินิกบ่อย ๆ
  
ส่วนพิธีกรเซเลบริตี้ จุ๊-นาขวัญ รายนานนท์ เผยว่า มีปัญหาเรื่องใต้ตารู้สึกว่าร่องน้ำตาลึกขึ้นทำให้ดูแก่กว่าวัย หมอแวนด้าแนะว่า เมื่ออายุมากขึ้นสาเหตุของร่องใต้ตาลึกเกิดจากชั้นไขมันที่แก้มบางลงไปร่วมกับความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่เกิดขึ้น วิธีแก้ไขที่ตรงจุดคือการเติมเต็มวอลลุ่มด้วยสารฟิลเลอร์ใต้ตาให้กลมกลืนเป็นธรรมชาติ เมื่อร่องใต้ตาถูกเติมให้เต็ม ตาจะดูสดใสอ่อนวัยลงได้ทันที ปิดท้ายที่ผู้ประกาศข่าวและดีเจ แจน-ศิรนุชโรจนเสถียร มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอหน้าดูหมองคล้ำเพราะชอบออกแดด และทำงานอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ หมอแวนด้าแนะว่า การทำงานหน้ากล้องสัมผัสแสงสปอตไลต์ทำร้ายผิวได้ไม่แพ้แสงแดด การทาครีมกันแดดและครีมบำรุงไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูสภาพผิวได้ทัน ควรทำเลเซอร์เพื่อขจัดเม็ดสีส่วนเกินเป็นครั้งคราว เน้นการทำทรีตเมนต์กระตุ้นระบบการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนังและทำให้ผิวแข็งแรง กินวิตามินซีและคิวเทนเสริมเพิ่มสารแอนตี้ออกซิแดนท์สู้กับรังสียูวีในผิวหนัง.

“อินสตาแกรม” ฮอตฮิตเกาะติดชีวิตเซเลบฯ

ในรอบปีมังกรทองที่กำลังจะผ่านไปมีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีไฮสปีด ที่มาแรงแซงทุกอย่าง แรงชนิดที่เรียกว่า...ใครตกเทรนด์เป็นเชยแหลก ต้องยกให้ “อินสตาแกรม” (Instagram) ที่เป็นเหมือนโรคติดต่อที่ระบาดในหมู่ดารา เซเลบริตี้จนกลายเป็น “อินสตาแกรมฟีเวอร์” ด้วยคุณสมบัติแชร์รูปภาพ พร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์เป็นตัวอักษรได้ง่ายและรวดเร็วเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอ โลกทั้งใบก็ถูกย่อให้อยู่บนฝ่ามือ “ใคร! ทำอะไร! ที่ไหน! กับใคร!!” เรื่องจริงตัวจริงพร้อมถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณะ ทำให้ชีวิตไม่ลับ ๆ ล่อ ๆ อีกต่อไป และด้วยความฮอตฮิตติดลมบนของอินสตาแกรม ดาราสาวสุดฮอต อาทิ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ, พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต มีแฟนคลับฟอลโลว์อินสตาแกรมอยู่ในอันดับต้น ๆ ส่วนเซเลบฯ ชื่อดังหลายต่อหลายคนทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็ใช่ย่อย หันมาเปิดประตูถวายตัวเป็นสาวกอินสตาแกรมกันมากมายทั้งเพื่อความสนุกสนาน บันเทิงเริงใจ และที่สำคัญมีแฟนคลับฟอลโลว์ไม่น้อยหน้าเช่นกัน

  
ทีนี้มาดูกันว่า ชีวิตติด “อินสตาแกรม” ในแวดวงเซเลบฯ มีใครกันบ้าง พร้อมกับสัมผัสหลากหลายมุมมองของคนเล่นอินสตาแกรม “ตือ-สมบัษร ถิระสาโรจน์” ที่ติดแอพอินสตาแกรมงอมแงม และถือว่าเป็นผู้บุกเบิกสร้างกระแสอินสตาแกรมให้เป็นที่นิยมกลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนต้องอัพเดทตามกัน ในแต่ละวันแชร์รูปภาพให้ชาวออนไลน์ได้ชมไม่ต่ำกว่า 10-30 รูป ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา จากการแนะนำของเพื่อนสนิท  รูปที่เจ้าแม่อีเวนต์



โพสต์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน เพราะทำงานเกี่ยวกับการจัดอีเวนต์อยากแชร์ไอเดียต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเพื่อน ๆ ลูกค้า กระทั่งคนที่มาติดตามอินสตาแกรมของเราให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่น ซึ่งเป็นคอนเซปต์ของอินสตาแกรมในการร่วมแบ่งปันความสุขและประสบการณ์ดี ๆ อยู่แล้ว เพราะนอกจากทำให้รับรู้ข่าวสาร สถานการณ์ต่าง ๆ ยังเป็นช่องทางของการเชื่อมโยงความผูกพันระหว่างกัน ส่วนตัวมีเพื่อนที่อยู่ทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ การเล่นอินสตาแกรมทำให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ไกลกันเลย และยังมีการใช้เป็นช่องทางขอความช่วยเหลือในช่วงเวลาที่เดือดร้อน ถ้าใช้ในทางที่ดีก็จะเกิดประโยชน์มาก และตรงข้ามถ้าใช้ในทางที่ผิดจะเกิดผลเสียกับตัวเองอย่างแน่นอน และอยากฝากเตือนทุกคนที่ถือว่าเป็นคนสาธารณะให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ เมื่อมีประโยชน์ย่อมมีโทษหากใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ในฐานะที่เป็นคนรู้จักของสังคมจะไม่แสดงออกถึงความก้าวร้าว เชื่อว่าทุกคนย่อมมีมุมของอารมณ์เหล่านี้ แต่การระบายออกบนโซเชียลเน็ตเวิร์กไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย เนื่องจากสมัยนี้การสื่อสารรวดเร็ว ผลของการกระทำอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้


คลิกชมภาพและอ่านต่อ....