นายทาคายูคิ ซูกิยามา ประธาน บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตของรถยนต์ซูซูกิในปี 2010 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 223% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศไทยที่มีการเติบโตสูงที่สุด ความสำเร็จดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากการตอบรับที่ดียิ่งจากตลาด และช่วงที่ผ่านมาแนะนำรถรุ่นใหม่ๆ อาทิ Swift,SX4 Crossover,Grand Vitara และอื่นๆ ออกสู่ตลาด
"ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ซูซูกิประสบความสำเร็จนั้น เกิดจากเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมานิยมรถยนต์นั่งขนาดเล็กทั้ง B-Car และ Eco-Car เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่งผลให้สวิฟต์ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรถยนต์ที่มีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงสมรรถนะความปราดเปรียวคล่องตัว ประหยัดน้ำมัน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่มีครบครันกว่า
ประธาน ซูซูกิ กล่าวอีกว่า จากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ซูซูกิทุ่มงบลงทุนถึง 20 พันล้านเยนญี่ปุ่น(7.4 พันล้านบาท) ก่อสร้างโรงงาน Suzuki Eco Car ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง และจะเริ่มผลิตในเดือนมีนาคม ปี 2555 นี้ พร้อมกับขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเป็น 60 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 100 แห่งภายในปี 2558
"ปีนี้เราจัดงบประมาณไว้ 380 ล้านบาทเพื่อทำการตลาด ตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 55% จาก ปี 2010 โดยในระยะยาว ซูซูกิตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไว้ที่ 5% ภายในปี 2015 โดยมุ่งทำตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและตลาดรถยนต์อีโคคาร์เป็นหลัก" นายทาคายูคิ กล่าว
Credit : http://www.khaosod.co.th
