วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

HONDA BRIO เล็กพริกขี้หนู

HONDA BRIO เล็กพริกขี้หนู

คอลัมน์ ทดสอบ
กิตติพงศ์ ศรีเจริญ



ถึงแม้ว่า ค่ายรถยนต์ฮอนด้า จะประกาศ งดรับจอง "บริโอ้" อีโคคาร์ คันที่ 2 ของบ้านเราไปแล้ว เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว ด้วยผลกระทบจากการส่งชิ้นส่วนบางรายการจากประเทศญี่ปุ่น

แต่ "อาซึชิ ฟูจิโมโตะ" ประธานหนุ่มไฟแรงแห่ง ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ยังคงเดินหน้ากิจกรรมการตลาด ตามแผนเดิมที่วางไว้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าลืม

รวมถึงเมื่อสามารถผลิตได้เต็มที่อีกครั้ง มั่นใจว่าความต้องการจากลูกค้าทั้งแฟนพันธุ์แท้ที่รอคอยกันมา รวมถึงลูกค้าทั่วไปที่เริ่มหันมาสนใจจะกลับมาตอบรับอย่างอบอุ่นเช่นเดิม

ว่าแล้วไม่รอช้าลุยจัดให้กระจอกข่าวไทยได้ทดสอบ "ฮอนด้า บริโอ้" กันที่ จ.เชียงราย กันอย่างเต็มที่แบบไม่มีกั๊ก

ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงกันตั้งแต่เช้า ฟังข้อมูลตัวรถกันพอหอมปากหอมคอพร้อมเริ่มทดสอบโดยทีมงานได้จัดให้ทดสอบกันคันละ 1 คน

เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ระยะทางไป-กลับประมาณ 100 กิโลเมตร ขึ้นไปยังพระตำหนักดอยตุง แบบวิ่งกันตามสบาย มีรูปแบบทั้งในเมือง นอกเมือง สองเลนสวน และสี่เลนไม่มีรถสวน เรียกว่าให้ลองกันทุกอารมณ์



การใช้ในเมืองคล่องตัวอย่างมาก กำลังของเครื่องยนต์เรียกมาใช้ได้เหมาะเจาะ ประกอบกับรูปร่างกะทัดรัด แซงซ้าย แทรกขวา ทำได้ไม่น่าเกลียดด้วยท้ายค่อนข้างสั้น

เริ่มออกนอกเมืองมีพื้นที่ให้ทำความเร็ว ลองเพิ่มน้ำหนักเท้าขวาขึ้นเรื่อยๆ เข็มไมล์ขยับต่อเนื่องไปยันอยู่ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนิดๆ ตามสเป๊กที่ให้ไว้เป๊ะ

และแม้จะใช้ความเร็วขนาดนี้ ช่วงล่างไม่มีสะท้านให้ได้เห็น รวมถึงในการเปลี่ยนเลนการเกาะถนนถือได้ว่าสอบผ่าน
วิ่งไปได้ครึ่งทางกว่าๆ เริ่มเข้าสู่โหมดขึ้นเขา ทีแรกออกจะหวั่นๆ ว่าเจ้าตัวเล็กจะมีอาการอะไรให้ได้เห็นบ้างหรือไม่

แต่ผลที่ออกมาหลายสิบโค้งกลายเป็นการขับที่ออกอารมณ์สนุก แม้ว่าโค้งแรกๆ ยังกล้าๆ กลัวๆ แต่หลังจากผ่านไป 3 โค้ง ก็รู้ได้ว่าไว้ใจได้ ไม่มีทั้งอาการย้วย เมื่อเข้าแรงๆ หรือท้ายดิ้นให้ได้รู้สึก

แม้แต่ขากลับซึ่งเป็นทางลงเขา เปลี่ยนเกียร์มาเข้าโหมดเอส ความรู้สึกการขับแบบสปอร์ตเข้ามาสิงร่างในบัดดล ช่วงล่างหนึบยิ่งขึ้น การเปลี่ยนเกียร์ที่เร็วขึ้น สุดท้ายลองโหมดแอล หรือโลว์ เพื่อจะได้ไม่ต้องกดแป้นเบรกบ่อยๆ ช่วยให้รถลงเขาได้แบบเนียนๆ



กลับมาถึงจุดเริ่มต้น มีเวลาเหลือเฟือ ถือโอกาสพิจารณารอบคัน ภายนอกทีมงานวิศวกรแจ้งไว้ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงสามเหลี่ยมคู่ในการออกแบบ

บ่งบอกพลังแห่งการเคลื่อนไหวจากหัวจรดท้าย มองด้านหน้าให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคง ส่วนด้านท้ายดูเพรียวลม

กันชนที่ยื่นออกมาและเส้นสายลักษณะเฉพาะตัว ไฟหน้าทรงกลมขนาดใหญ่กับกระจังโครเมียม ด้วยตัวถังที่สั้นส่งผลให้มุมมองที่ชัดเจนในทุกทิศทาง รวมถึงกระจกบานประตูท้ายขนาดใหญ่

ห้องโดยสารไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ออกจะกว้างขวางเสียด้วยซ้ำจากบานกระจกขนาดใหญ่รอบด้าน

อุปกรณ์ต่างๆ จัดวางไว้อย่างเรียบร้อย และใช้งานได้สะดวกสบาย แต่วัสดุที่ใช้ดูเหมือนจะต่ำกว่ามาตรฐานฮอนด้าอยู่บ้าง แต่เข้า ใจได้ไม่ยากว่าเป็นการลดต้นทุนให้ได้ราคาอีโคคาร์นั่นเอง

แต่ที่น่าหนักใจกว่าคือ งานนี้พนักงานขายฮอนด้าอาจต้องตอบคำถามลูกค้ามากหน่อย กับช่องเก็บของด้านข้างประตู ที่ปิดแผงพลาสติกไว้ไม่เต็ม
โดยมีพื้นหลังที่เป็นเนื้อเหล็กสีรถนั้นๆ ไว้ให้เห็นอยู่พอสมควร ถามทีมงานก็ได้คำตอบไม่ค่อยเคลียร์ แบบประมาณว่าเป็นพื้นที่อยู่ด้านใน จึงไม่มีความจำเป็นเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตามหากไม่ได้เป็นนักเลงรถที่สนใจกับเรื่องกระจุกกระจิกประเภทนี้ และเน้นในเรื่องของสมรรถนะล้วนๆ ก็ไม่ควรมองข้าม ฮอนด้า บริโอ้

เพียงแต่ต้องอดใจรอหน่อยแค่นั้นเอง



ข้อมูลทางเทคนิค

แบบตัวถัง เก๋ง 5 ประตู

เครื่องยนต์ SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC

ความจุ 1198 ซีซี

กำลังสูงสุด 90 แรงม้า/6,000 รอบฯ

แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร/4,800 รอบฯ

ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ CVT

ระบบรองรับ(หน้า) แม็กเฟอร์สันสตรัท/เหล็กกันโคลง

ระบบรองรับ(หลัง) ทอร์ชั่นบีม แบบ H-shape

มิติ(กว้างxยาวxสูง) 1,680x3,610x1,485 ม.ม.

ราคา 399,990-508,850 บาท
Credit : http://www.khaosod.co.th/