คอลัมน์ เทสต์ คาร์
โดย อมร พวงงาม
กลางสัปดาห์ก่อน "คุณพี่จอย" ศศินันท์ ออลแมนด์ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขนทัพนักข่าวกว่า 80 ชีวิตไปร่วม ทดสอบเชฟโรเลต ครูซ คอมแพ็กต์ซีดานรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งตั้งใจเอามาแทนเชฟโรเลต ออพตร้า ที่จังหวัดเชียงใหม่ผมเองก็ไม่พลาดโอกาสที่จะไปร่วมสัมผัสและเรียนรู้ถึงสมรรถนะเจ้าครูซตัวนี้ เนื่องจากเป็นของใหม่เอี่ยมอ่อง หรือจะบอกว่า "สด" ที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ไม่ผิด
และที่สำคัญรถคันนี้ยังได้รับการพัฒนาโดยทีมงานจีเอ็มและเชฟโรเลตจากทั่วโลก ภายใต้แนวคิด "โกลเบิล คอมแพ็กต์ คาร์" พร้อมการันตีความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลต่าง ๆ กว่า 40 รางวัล ว่ากันว่าก่อนที่จะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในบ้านเรา "ครูซ" ได้เสียงตอบรับอย่างอบอุ่น ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นจากยอดขายมากกว่า 2,000 คันคุณพี่จอยบอกว่า ที่เลือกโลเกชั่นทดสอบพื้นที่ภาคเหนือ ก็เพราะที่นี่มีเส้นทางหลากหลายที่ครบทุกความท้าทาย
เริ่มจากถนนในตัวเมืองที่การจราจรค่อนข้างคับคั่ง ลัดเลาะออกนอกตัวเมืองด้วยเส้นทางหลวงสู่ความท้าทายของถนนทางชันขึ้น-ลงภูเขา ที่พร้อมให้เหล่านักทดสอบและผู้สื่อข่าวทุกคนได้ทดสอบสมรรถนะของเชฟโรเลต ครูซ ทั้งอัตราเร่งและระบบกันสะเทือนกันอย่างเต็มที่ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายของขุนเขาอันงดงามตามเอกลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่
การทดสอบแบ่งออกเป็น 2 เส้นทางหลัก คือ การทดสอบบนเส้นทางตัวเมืองเชียงใหม่-สะเมิง สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร และการทดสอบบนเส้นทางตัวเมืองเชียงใหม่-แม่แตง สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ทั้งสองเส้นทางต้องการให้ผู้ทดสอบได้ทราบถึงจุดขายของเชฟโรเลต ครูซ ตั้งแต่ขุมพลัง ระบบกันสะเทือน ระบบส่งกำลังที่โดดเด่น โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มาพร้อม DSC-Driver Shift Control สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา
เราปล่อยสตาร์ตกันที่ "ดิ ออฟฟิศ" ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมือง ใกล้ ๆ หัวสนามบินเชียงใหม่ ผมได้กรุ๊ปแรกจำนวน 10 คัน เป็นเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร เส้นทางทดสอบก็ต้องไปขึ้นเขากันละครับ ปล่อยให้กรุ๊ปหลังเครื่องเบนซินอีก 10 คันไปโลดแล่นกันในเมือง
หลังจากเปิดประตูรถ สัมผัสแรกที่ได้เห็น ยก "นิ้วโป้ง" ให้เลยครับ ไม่ใช่โกรธนะ แต่ไม่อยากเชื่อ หันไปพูดกับเพื่อน นักข่าวอีกฉบับว่า "เดี๋ยวนี้อเมริกันที่เอะอะอะไรก็เลือกผลิตของใหญ่เทอะทะไว้ก่อน วันนี้เขาดีไซน์รถได้สวยงามเยี่ยงนี้เชียวหรือ ?"
ไล่เรียงมาตั้งแต่หน้าปัดทรงกลม แดชบอร์ดที่ต่อเชื่อมกับแผงข้างประตู และคอนโซลกลางได้อย่างลงตัว สวิตช์ควบคุมต่าง ๆ ใช้งานง่าย พวงมาลัยทรงสปอร์ตสวยบาดตาบาดใจ วัสดุที่ใช้ก็เนียนมาก แถมมีดีไซน์ด้วยสีสัน ซึ่งโดนใจวัยรุ่น
จะมีต้องติบ้างนิดหน่อย เช่น ขาดที่พักเท้า ทำให้เวลาขับบาลานซ์ตัวยังไม่ดีเท่าที่ควร สวิตช์ควบคุมพัดลมแอร์ชิด ขาซ้ายมากไป จังหวะเลี้ยวหรือโยนตัวหัวเข่าไปถูก ทำให้ความแรงลมเปลี่ยนแปลงบ่อย
และที่น่าตีมากที่สุดก็คือ ตำแหน่งก้านไฟเลี้ยว ปกติรถอเมริกัน ยุโรป ก็เป็นที่คุ้นเคยกันว่าต้องใช้มือซ้าย แต่ครูซตัวนี้อยากเอาใจคนไทยที่ติดมือขวากับรถญี่ปุ่น ก็เลยย้ายข้างซะ กว่าจะคุ้นก็เล่นเอาปัดน้ำฝนทำงานไปหลายสิบเที่ยว
ฟิลลิ่งการขับขี่ คะแนนเต็ม 10 ผมให้ 8-9 แต้มเลยนะครับ ทะมัดทะแมงดีมาก แฮนด์ลิ่งไปได้ตามสั่ง ระบบช่วงล่างก็หนึบเอาเรื่อง ยิ่งได้เสี่ยป็อด ประภาฬ ม้ามณี วางเส้นทาง โหย...สนุกมือดีจริง ๆ
เส้นทางจากแม่ริมขึ้นสะเมิง หลายคนคงรู้ว่ามีเป็นร้อย ๆ โค้ง ทั้งขึ้นเขายาวต่อเนื่องสลับหัวศอกขวา หักศอกซ้าย และปักหัวลงแบบน่ากลัว แต่ "ครูซ" ตัวนี้ก็แสดงอิทธิฤทธิ์ได้ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตรดีเซล พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGT พ่วงไปกับเทคโนโลยีหัวฉีด VCDi ที่มีแรงดันสูงถึง 1,600 บาร์ ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อม อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ รีดกำลังสูงสุดได้ถึง 150 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที
แรงบิดจำนวนมหาศาลที่ 320 นิวตันเมตร ซึ่งมาในรอบ ต่ำ ๆ เพียง 2,000 รอบ/นาที ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดได้อย่างลงตัว แต่บางช่วงที่ต้องการ ความต่อเนื่องของกำลังเครื่องยนต์ แนะนำให้ใช้วิธีโยกปรับเปลี่ยนเกียร์แบบแมนวล ซึ่งเชฟโรเลตเรียกระบบนี้ว่า DSC หรือ Driver Shift Control จะทำให้การเรียกกำลังได้ ต่อเนื่องและราบรื่นกว่าเยอะเลย เพราะหากปล่อยให้อยู่ในโหมด D ซึ่งปรับเปลี่ยนเอง ต้องบอกว่า "ช้า" ไม่ทันใจวัย รุ่นเอาเสียเลย
นอกจากพละกำลัง การขับขี่ได้อย่างตื่นเต้นแล้ว ด้านระบบความปลอดภัยก็มีมาครบเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ทั้งป้องกันเชิงรุกและเชิงรับ ด้วยตัวถังแบบ Body Frame Integral ซึ่งเป็นเหล็กกล้า high strength steel กว่า 65%
ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน มีระบบกระจายแรงเบรก ช่วยให้เบาแรงและรักษาสมดุล มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และป้องกันล้อหมุนฟรี traction control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานยกเว้นรุ่น 1.6 ลิตรเบนซิน
ส่วนรุ่นเบนซิน 1.8 ลิตร ก็สนุกด้วยอัตราเร่งจี๊ดจ๊าดใช้ได้ 141 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 177 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที ตัวนี้มีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดให้เลือก
ขณะที่รุ่นเบนซิน 1.6 ลิตร ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ multi-point พร้อมระบบปรับระยะทางเดินท่อไอดีแบบแปรผัน รีดแรงม้าได้ 109 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที ขับสนุกแบบประหยัด รุ่นนี้ก็มีระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดให้เลือกด้วย
สนนราคาเริ่มต้นที่ 7.3 แสน ไปจนถึงตัวท็อป 1.165 ล้านบาท จัดเป็นเก๋งขนาดกลางที่สาวกรถอเมริกันห้ามมองข้าม เด็ดขาด
Credit : http://www.prachachat.net