วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

Elena Mauli Shapiro : นักเขียนจากกล่องความทรงจำ

นักเขียนหน้าใหม่ชาวฝรั่งเศส  เอลินา  มัวลิ  แชพริโอ  (Elena Mauli Shapiro)  เธอขอมาเล่าเรื่องราวของตนเอง  กับผลงานนวนิยายเล่มแรก  13 rue Theeseและยังปล่อยให้ได้ถามคำถามอีกไม่กี่คำถาม  เกี่ยวกับนวนิยายเล่มนี้ 
 “ฉันเกิดในปารีส  ฝรั่งเศส และย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ  13  ปี  สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสจาก  Standford University  ปริญญาโทด้านการเขียนจาก  Mills  College  และปริญญาโทด้านวรรณคดีเปรียบเทียบจาก  UC Davis  นวนิยายเรื่อง  13 rue Therese จัดพิมพ์โดย   Little, Brown จะวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์  2011  และตอนนี้มีการจัดจำหน่ายไปยังประเทศต่างๆ  อันได้แก่  สหราชอาณาจักร,  อิตาลี,  รัสเซีย, โปแลนด์  และฝรั่งเศส
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเขียนนวนิยายเรื่อง  13 rue Therese วัตถุดิบในการทำงานเขียนเรื่องนี้  เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง  เมื่อกล่องอันบรรจุความทรงจำของเพื่อนบ้าน  ถูกวางทิ้งไว้  ฉันเปิดกล่องความทรงจำ แล้วหลอมรวมเรื่องราวในนั้นออกมาเป็นงานเขียนชิ้นนี้
ตอนนั้นฉันเป็นเด็กสาวตัวน้อยที่เติบโตขึ้นในปารีส  อายุ  18 ปีต้นๆ  เพื่อนบ้านซึ่งเป็นหญิงชราคนหนึ่ง  ชื่อหลุยส์  บรูเนท  อาศัยอยู่คนเดียวในอพาร์ตเมนต์แห่งเดียวกันกับฉัน  เธอเสียชีวิตลง  ไม่มีญาติพี่น้องสักคนที่จะมาเก็บข้าวของของเธอ  ดังนั้นเจ้าของที่พักเลยต้องจัดการเอาของเหล่านั้น  โดยให้ผู้อาศัยในอพาร์ตเมนต์คนอื่นๆ  เข้าไปหยิบเอาสิ่งของในห้องของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงิน  เครื่องประดับ  ใครอยากได้อะไรก็หยิบไปได้เลย  
 
แม่ของฉันหยิบกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งติดมือมา  ที่บรรจุจดหมายรักที่เก่าๆ หลายฉบับในช่วงสงครามโลกครั้งที่  1   และไปรษณียบัตร  ในกล่องมีทั้ง  ถุงมือตาข่ายสำหรับไปโบสถ์  ดอกไม้แห้งอีกจำนวนหนึ่ง  สร้อยประคำ  สิ่งของพวกนี้เหมือนไร้ค่าแต่มากความทรงจำ  กล่องใบนี้เป็นหลุมศพแห่งหัวใจของหลุยส์ บรูเนท  นับแต่ฉันได้กล่องหัวใจของเธอมา  ฉันนำพาไปด้วยทุกที่  และตั้งใจอยากเขียนหนังสือออกมาสักเล่ม  จากความทรงจำแห่งหัวใจของหลุยส์  บรูเนท
หลักๆ ของนวนิยายเรื่องนี้จึงพาผู้อ่านเข้าไปทำความรู้จักกับหลุยส์  บรูเนท  นักเปียโนหญิงซึ่งแต่งงานและไม่มีลูก  เป็นชาวคริสต์ทั่วไปที่เมื่อรู้สึกว่าตนทำผิด จะไปสารภาพบาปที่โบสถ์  เธอสูญเสียคนรักไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่  1  เธอพยายามที่จะมีรักใหม่กับชายคนหนึ่งที่ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกเดียวกัน  ซึ่งชื่อจริงคือซาเวียร์  ลังเลส  แต่ในนวนิยายให้ชื่อว่า  เทรเวอร์  สตราทท็อน  เขาเป็นนักวิชาการชาวอเมริกันที่มาทำงานในปารีส  ซึ่งบังเอิญได้รู้จักกับหลุยส์และเป็นผู้ชายในกล่องความทรงจำของเธอ”
0 เมื่อได้อ่านนวนิยายเรื่อง  13 rue Therese  ทำให้นึกไปถึง  Anaes Nin  นักเขียนหญิงชาวฝรั่งเศส  เธอเป็นแรงบันดาลใจของคุณ?
ฉันไม่เคยอ่านงานของเธอ  จนเมื่อสักสัปดาห์ที่แล้ว  มีคนแนะนำให้อ่านงานของเธอ  ความคิดแรกที่ผุดขึ้นคือ  ว้าว!  ฉันจะเป็นให้ได้แบบนักเขียนคนนี้  เธอเริ่มต้นเขียนหนังสือเมื่อทศวรรษที่ 20 และ 30  ทำให้ฉันได้รู้หลายเรื่องในช่วงนั้น  ที่น่าสนใจก็คือ  เธอและฉันต่างเกิดในฝรั่งเศสและย้ายไปอยู่ที่สหรัฐ  ฉันไปอยู่สหรัฐตอนอายุ 13  ส่วนเธอไปตอนอายุ 11  อาจจะมีบางสิ่งที่เหลื่อมทับอยู่ในวัฒนธรรมอเมริกันและในช่วงที่เราทั้งสองคนเป็นเด็กอยู่ในฝรั่งเศส  สองวัฒนธรรมที่เหลื่อมกันอยู่ในความคิดของเราสองคน  ทำให้เราเป็นคนที่มีอะไรต่างจากคนอื่น
0 นวนิยายเรื่องนี้เป็นแนวอีโรติกอย่างเห็นได้ชัด  คุณสร้างความสมดุล พอเหมาะพอเจาะอย่างไร?
ฉันสนุกกับการเขียนฉากร่วมรัก  ถึงแม้ว่ามันแค่พลิกฝ่ามือในการเขียนออกมาให้ไม่ได้เรื่อง  ถ้าคุณกำลังเขียนถึงความรุนแรงอย่างที่สุด  คุณสะสมบางสิ่งที่เรียกว่าแรงโน้มถ่วงเพื่อฉุดให้คนหล่นลงไปในฉากนั้นๆ  แต่กับฉากร่วมรักแล้ว  มันเป็นเกมที่ละเอียดอ่อนของการล่อลวงให้ผู้เขียนอย่างฉันกระโดดลงไปร่วมเล่นกับผู้อ่าน  ถ้าคุณใช้คำผิด  มันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเลย  ไม่ต่างจากคำพูดที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้คน  ที่อาจทำให้เกิดการไม่ลงรอยกันได้ ถ้าพูดไม่ดี  ฉันไม่อยากกลับไปแก้ไขฉากพวกนี้มาก  ฉากพวกนี้หลุดออกมาจากหัวของฉัน  ราวกับว่ามันได้เขียนเอาไว้และผ่านการแก้ไขมาแล้วตั้งแต่อยู่ในหัวของฉัน  ก่อนที่ฉันจะเขียนออกมาในหน้ากระดาษเสียอีก
0 นวนิยายเล่มนี้พูดถึงเหตุการณ์ของมหาสงครามอันยิ่งใหญ่ระดับโลก  คุณทำการหาข้อมูลอย่างไรบ้าง?
ฉันไม่ได้ทำการหาข้อมูลแบบที่ใครๆ ทำกัน  แต่ฉันใช้สิ่งของในกล่องของหลุยส์เป็นข้อมูลชั้นต้นในการเขียน  ซึ่งสำคัญสำหรับฉันมาก  ฉันดูไปรษณียบัตรและใบหน้าของทหารเหล่านั้น  ฉันทำจิตใจให้สงบและนั่งนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา  นึกถึงสิ่งที่เรียกว่าการสู้รบ  สิ่งของเหล่านี้เป็นตัวต่อให้เห็นภาพของข้อเท็จจริงต่างๆ  อยากตัวอย่างเช่น  การที่ฉันพูดถึงปืนกลที่เป็นการต่อสู้ทางอากาศยาน และกระสุนพุ่งไปยังใบพัด  ฉันกำลังสื่อสารบางอย่างออกไป แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคืออะไร  ประสบการณ์กับสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้  ยิ่งใหญ่  น่าเศร้าใจ  และงดงาม
สำหรับผลงานเล่มต่อไปนั้น  สำหรับปี 2011  สิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำ ก็คือ  ร่างนวนิยายเรื่อง  In the Red  ให้เสร็จเรียบร้อย  ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับงานเขียนเล่มใหม่ เพื่อให้มันได้เป็นหนังสือที่ถูกพิมพ์ออกมา