วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

เที่ยว"หอฝิ่น" สามเหลี่ยมทองคำ

พลาดิศัย จันทรทัต 



ในช่วงหน้าหนาว ผู้คนส่วนใหญ่มักเดินทางไปทˆองเที่ยวในภาคเหนือ เพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็น ดอกไม้งาม ซึ่งนอกจากแหล่งธรรมชาติที่งดงามตามจังหวัด ต่างๆแล้ว เชียงรายยังมีสถานที่น่าสนใจแหล่งอื่นให้ได้ เรียนรู้ประวัติ ศาสตร์อีก ซึ่งนับเป็นสถานที่สำคัญของถิ่นวัฒน ธรรมล้านนา

"หอฝิ่น" อุทยานสามเหลี่ยมทองคำสถานที่ซึ่งสานต่อโครงการในพระราชดำริ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนีนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 250 ไร่ ของอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ภายในจัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของฝิ่น ตั้งแต่สมัยยังใช้ได้อย่างถูกกฎหมายและผลกระทบจากการเสพฝิ่น

เมื่อเข้าสู่ภายในอาคารเราจะพบ "อุโมงค์มุข" อุโมงค์ความยาว 137 เมตร มืดสนิท มีเพียงแสงไฟส่องผนังรูปคนที่แสดงอากัป กิริยาทุกข์ทรมานแสนสาหัส จากการตกเป็นเหยื่อฝิ่น รอต้อนรับ เดินทะลุออกมาพบ "ห้องโถง" จัดแสดงทุ่งฝิ่นจำลอง และแสดงเรื่อง สายพันธุ์ต่างๆ ของดอกป๊อปปี้ทั้งพันธุ์สวยงาม และพันธุ์ที่ใช้ยางผลิตยา


ต่อด้วย "ห้องประชุม" ที่ฉายวีทีอารŒ เล่าที่มาจุดประสงค์ และเรื่องราวการสร้างหอฝิ่น ชมเสร็จเดินเข้าสู่การแกะรอย ประวัติศาสตร์อันยาวนานของฝิ่น ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในห้อง "ปัญจสหัสวรรษแรกต่อด้วย "ห้องมีดสองคม" ซึ่งออกแบบผนังสองด้านของทางเดิน สะท้อนด้านดี ด้านร้าย จากการใช้ฝิ่น ก่อนมุดลงใต้ท้องเรือสินค้ายุโรปที่ท่าเรือประเทศอังกฤษ มาโผล่ที่ฟากท่า เรือกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในห้อง "ประจิมสู่บูรพา"

เดินชมเรื่อยมาจนถึงห้อง "ศึกยาฝิ่น" ห้องนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญตอนอังกฤษบังคับให้จีน เปิดประเทศเข้าสู่การค้าเสรี กระทั่ง ค.ศ. 1900 คนจีนกว่า 13 ล้านคน ติดฝิ่น เศรษฐ กิจถูกทำลาย ราชวงศ์แมนจูตกอยู่ในภาวะล่มสลาย ห้องนี้จัดแสดงหุ่นจำลอง 3 บุคคลสำคัญของจีน และ 3 บุคคลสำคัญของอังกฤษ ที่มีบทบาทสำคัญ ในสงครามครั้งนี้

ชมไปเดินไปมาปะเข้ากับเจดีย์รัตนโกสินทร์ ตั้งโดดเด่นอยู่ซ้ายมือต้อนรับสู่ห้อง "ฝิ่นในสยาม" ผ่านประตูเมืองเข้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของสยามประเทศ ที่จำลองหุ่นขี้ผึ้งคนนอนสูบฝิ่นในโรงน้ำชาจีนย่านเยาวราช นอกจากนี้ยังจัดแสดงของหายาก เช่น ลูกแป้ง กลักยาฝิ่น หมอน เป็นต้นและขาดไม่ได้กับภาพพร้อมคำบรรยาย บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ของฝิ่น จวบจนบทอวสานของการสูบฝิ่นอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย


เรียนรู้ครบทุกด้านก็ย่างเท้าต่อเข้าสู่ห้อง "ยามหัศจรรย์" ที่จัดแสดงพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ตะวันตก ที่นำไปสู่การแยกตัวของมอร์ฟีน พัฒนาการของเฮโรอีน และการฉีดเฮโรอีนเข้าใต้ผิวหนัง ต่อด้วยห้อง "ข้อห้ามทางกฎหมาย-อาชญากรรม-ความขัดแย้ง" ที่นำทุกคนย้อนกลับไปสู่ศตวรรษ ที่ 20 ยุคสมัยที่ทั่วโลกตื่นตัวหาวิธีป้องกันฝิ่น และยาเสพติด ภายใต้การควบคุมขององค์การอาชญากรรม เพื่อต่อสู้กับการลักลอบค้ายาเสพติด และการใช้ยาอย่างผิดกฎหมายเมื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยนี้แล้ว จึงแกะรอยเข้าสู่ห้อง "แหล่งซุกซ่อน" เพื่อตามรอยและรู้เท่าทัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจจับการลักลอบขนยาเสพติด ไม่ว่าจะซุกซ่อน ในรองเท้า หรือซุก ซ่อนกะหล่ำปลี ก็ไม่พ้นสายตาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไปได้

เดินชมเดินอ่านมาถึงห้อง "ผลร้ายของยาเสพติด" ที่อธิบายให้ทราบว่า นอกจากร่างกายของผู้เสพต้องทุกข์ทรมานแล้ว ผลกระทบยังลามไปถึงเศรษฐกิจ และสังคม ที่ห้องนี้เราได้เรียนรู้ถึงยาเสพติดประเภทต่างๆ อาทิ ยาเสพติดในกลุ่มฝิ่น, ยากดประสาท, ยากระตุ้นประสาท, ยาหลอนประสาท และกลุ่มสารระเหย เป็นต้น เมื่อเข้าใจถึงผลร้ายของมันแล้ว หอฝิ่นก็ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับครอบครัวที่ติดยาเสพติดว่า พวกเขาต้องประสบชะตากรรมอย่างไรบ้างในห้อง "กรณีศึกษา" เพื่อให้พวกเราที่กำลังนึกตาม ได้เห็นภาพอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เดินตามทางมาพบห้อง "หลอกตัวเอง/หลอกคนอื่น" เป็น ห้องที่บรรยายเรื่องราวการแก้ตัวแก้ต่างของสิงห์นักเสพทั้งหลาย ที่สุดท้ายแล้วปลายทางของพวกเขา คือ ความตาย เท่านั้น และห้องสุดท้าย "คิดคำนึง" ที่รวบรวมวาทกรรมเด็ดจากบุคคลสำคัญระดับโลกหลายท่าน เดินอ่านไปเรื่อย มาสะดุดตรงคำกล่าวหนึ่ง อ่านซ้ำไปมาเกิดคิดได้ว่า ถ้อยวลีนี้น่าจะสรุปเรื่องราวที่ได้เรียนรู้ในวันนี้ได้ดีที่สุด

"พึงจำไว้เถิดว่า การปรนเปรอตนเองนั้น ย่อมมีจุดสิ้นสุด แต่การเข้มงวดตนเองนั้น หามีที่สิ้นสุดไม่" มหาตมะ คานธี"























ขอบคุณ นสพ ข่าวสด

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMGIzVXdOVEl5TURFMU5BPT0=&sectionid=TURNeE9RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB5TWc9PQ==