วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ตลาดรถหรูแข่งเดือดรับปีกระต่าย บีเอ็มฯเร่งขยายเซอร์วิส/เบนซ์ตั้งการ์ดรักษาแชมป์


ตลาดรถหรูแข่งเดือดตั้งแต่ต้นปี บีเอ็มฯประเมินตลาดแตะระดับ "หมื่น" สั่งดีลเลอร์ทั่วประเทศขยายเซอร์วิสมินิ-มอเตอร์ไซค์ เร่งมืออวดโฉม "ซีรีส์ 6 เปิดประทุนและเอ็กซ์ 1" ประกอบในประเทศปลายไตรมาสนี้ ด้าน "เบนซ์" เตรียมงัดไม้เด็ดฉลอง 125 ปี ส่ง "ซีแอล-คลาส" ทำตลาด ขณะที่วอลโว่มั่นใจยอดขายทะลุ 1.5 พันคัน หลังปีที่แล้วโตเกิน 100%



นายแมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทในเครือบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์โดยรวมของตลาดรถยนต์พรีเมี่ยม เชื่อว่าปีนี้น่าจะมียอดขายอยู่ในประดับ 10,000 คันอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องไม่มีปัจจัยลบทางด้านเศฐกิจและการเมืองที่รุนแรง โดยบีเอ็มดับเบิลยูก็จะต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าแน่นอน "ปีที่แล้วทุกค่ายปิดยอดที่ 9,700 คัน สำหรับบีเอ็มฯทำได้ 3,422 คัน เติบโต 24% เป็นรถยนต์บีเอ็มฯ 3,015 คัน โต 28% รถยนต์มินิ 405 คัน และจักรยานยนต์บีเอ็มฯ 245 คัน ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์เซ็กเมนต์พรีเมี่ยมด้วยยอดขายรถยนต์รวมทั่วโลก 1.461 ล้านคัน ภายใต้แบรนด์บีเอ็มฯ, มินิ และโรลสรอยซ์โดยปีนี้บริษัทจะมีการทยอยส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 6 คอนเวิร์ตทิเบิล รถยนต์ เปิดประทุนที่เปิดตัวในงาน ดีทรอยต์มอเตอร์โชว์, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 1 เอสไดรฟ์ 18 ไอ, เอ็กซ์ 3 รถยนต์ ตรวจการณ์อเนกประสงค์ ที่จะขึ้นไลน์ประกอบในช่วงกลางปี รถมินิ ซึ่งจะเป็นรุ่นมินิคอนเน็กเต็ด ถือเป็นครั้งแรกใน เมืองไทยที่รถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่วนรถจักรยานยนต์จะมีการแนะนำเค 1600 จีทีแอล รถจักรยานยนต์ 6 สูบรุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู 

"การเติบโตของปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นการขยายผลต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ที่ตลาดรถยนต์โดยรวมมีการเติบโต บวกกับบีเอ็มฯเรามีการส่งรถรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีรถมากถึง 40 รุ่นในปีก่อน หรือคิดเฉลี่ยว่าเรามีการแนะนำรถใหม่อาทิตย์ละ 1 รุ่นก็ได้ ส่วนปีนี้เราจะมีรถใหม่ทยอยออกสู่ตลาด และยืนยันว่าเราอยู่ในเป้าหมายของการขึ้นเป็นที่ 1 ของตลาดรถยนต์หรูหราเหมือนเช่นเดิม" นายพฟาลซ์กล่าว 
สำหรับรถยนต์เอสยูวีบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 1 รุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงปลายไตรมาสแรกเป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารทางด้านการตรวจสอบมลพิษ และการตั้งราคาจำหน่ายรถทั้งหมด


ส่วนของความคืบหน้าโครงการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยนั้น ขณะนี้บริษัทแม่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเรื่องตลาดรถจักรยานยนต์ เนื่องจากตลาดในจีนและอินเดีย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคว่ามีแนวโน้มการเติบโตมากน้อยเพียงใด เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจเรื่องการเปิดฐานการผลิตแห่งใหม่ และยังไม่มีความคืบหน้าในขณะนี้ ส่วนข่าวลือเรื่องการขายโรงงานที่ระยอง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 
ด้านแผนงานขยายเครือข่ายการจำหน่ายนั้น ปีนี้บริษัทจะมีการขยายเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการใหม่อีก 2 แห่ง คือสาขารองเมือง และสาขาพระราม 3 ขณะที่สาขาในต่างจังหวัดนั้น จากเครือข่ายที่มีอยู่ในขณะนี้ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถรองรับและให้บริการลูกค้าได้อย่างเพียงพอ แต่ปีนี้จะมีการทยอยปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ ของศูนย์บริการเหล่านี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะขยายการให้บริการไปยังรถยนต์มินิและรถจักรยานยนต์ในอนาคตด้านศาสตราจารย์ ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟ์เลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการปีที่ผ่านมาว่า เบนซ์มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของตลาดรถหรูด้วยยอดขายรวม 4,748 คัน เติบโต 23% มีส่วนแบ่งทางการตลาด อยู่ที่ 48% 
ส่วนปีนี้ จากแนวโน้มของตลาดรถยนต์ น่าจะเติบโตต่อเนื่อง ถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 125 ปีของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก บริษัทจึงเตรียมนำเสนอรถยนต์รุ่น ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับยอดขาย โดยจะเปิดตัวออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจาก รุ่นซีแอล-คลาส ที่จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์นี้


"บริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ สามารถรักษาอันดับผู้นำในตลาด และผู้นำในแต่ละเซ็กเมนต์ด้วย ทั้งซี, อี และเอส-คลาส โดยมี ยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 4 สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านั้นอย่าง เห็นได้ชัด โดยมียอดขายหลักมาจาก รุ่นอี-คลาสโฉมใหม่ และซี-คลาส" ศาสตราจารย์ ดร.อเล็กซานเดอร์กล่าวด้านนางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธาน บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมามียอดขาย 1,028 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 100% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ปีนี้ วอลโว่ตั้งเป้าจะต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นที่ 1,500 คัน 

"เรามั่นใจว่าในปีนี้ ตลาดรถยนต์จะขยายตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของตลาดที่ต้องการรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว แต่ประหยัดพลังงาน โดยวอลโว่จะส่งรถยนต์ให้ครบทุกเซ็กเมนต์สู่ตลาด รวมทั้งกำหนดราคาที่น่าสนใจ ซึ่งเราได้วางแนวทางการโปรโมตแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำด้านพลังงานทางเลือก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" นางฉันทนากล่าว



Credit :http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02car01270154&sectionid=0210&day=2011-01-27