วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

ล่องแม่น้ำสะแกกรัง แหล่งทำมาหากิน ของชาวอุทัยธานี


อากาศเย็นสบายในช่วงนี้ นอกจากแหล่งท่องเที่ยวตามยอดดอยที่กำลังได้รับความนิยมแล้ว การล่องเรือชมความงามของธรรมชาติตามลำน้ำต่างๆก็คงได้บรรยากาศที่ดีไม่แพ้กัน วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาทุกคนไปลัดเลาะสายน้ำแห่งชีวิต แม่น้ำสะแกกรัง ที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งทำมาหากิน ของชาวอุทัยธานีมาหลายชั่วอายุคน





การท่องเที่ยวชมความงามและวิถีชีวิตชาวแพในแม่น้ำสะแกกรัง นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนอุทัยธานี ครั้งนี้ต้องขอบคุณ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ และ สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวกองทัพบก รวมถึง คุณปริญดา ตี่ด้วง เจ้าของเรือล่องแม่น้ำสะแกกรังลำใหญ่ ที่พาเราไปทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก พร้อมชมวิถีชีวิตริมฝั่งน้ำสะแกกรัง

 
หลังจากเรือหันหัวล่องไปตามแม่น้ำสะแกกรัง นอกจากลมเย็นๆกับบรรยากาศแสนสบายบนเรือแล้ว ธรรมชาติและวิถีชีวิตสองฝั่งน้ำที่เรามองเห็น ถือเป็นภาพความงามที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมาย ด้านตะวันออกเราจะเห็นเกาะเทโพ มีทุ่งนา สวนผัก สวนผลไม้ และป่าไผ่ตามธรรมชาติ ด้านตะวันตกมีอาคารบ้านเรือนอยู่หนาแน่น เป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยทั้ง 2 ฟากฝั่งถูกกั้นกลางด้วยแม่น้ำสะแกกรัง
จุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวในการล่องเรือในแม่น้ำสะแกกรังอยู่ที่ เรือนแพ ที่มีชาวแพอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน โดยในสมัยก่อนจะมีอยู่ทั้งหมดกว่า 300 หลัง ทุกเรือนแพมีบ้านเลขที่และทะเบียนบ้านรับรองการอยู่อาศัย เป็นการถือกรรมสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันยังเหลือชาวแพที่อาศัยอยู่ในสายน้ำแห่งชีวิตสายนี้กว่า 200 หลัง โดยทางการไม่อนุญาตให้มีการออกทะเบียนบ้านให้แพที่สร้างใหม่อีกแล้ว
ชุมชนชาวแพแม่น้ำสะแกกรัง ในเขต จังหวัดอุทัยธานี นับเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตที่หาได้ยากมากแล้วในโลกยุคปัจจุบัน ชาวแพส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการประมง ตามเรือนแพริมน้ำเหล่านี้ จะมีกระชังเลี้ยงปลาสวาย ปลาแรด และปลาเทโพ ปลาแรดในกระชังของที่นี่นับว่าขึ้นชื่อมาก เพราะน้ำที่นี่มีการไหลเวียนดีและอาจมีแร่ธาตุบางอย่างอยู่ ปลาแรดจึงมีเนื้อนุ่มและหวานกว่าที่อื่น และจากการที่ได้ลองทานดูต้องยอมรับว่าอร่อยจริงๆ
ชาวแพเหล่านี้ช่วยเติมสีสันให้กับการล่องเรือทานอาหารมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะตลอดทางเราจะรับรู้ได้ถึงความสุขของพวกเขา ที่ไม่ต้องมีบ้านหลังใหญ่โตเลิศหรู แต่ใช้ชีวิตท่ามกลางสายน้ำอย่างมีความสุขและพอเพียง บางหลังประดับประดาด้วยดอกไม้หลากชนิด บางหลังทาสีสันสดใส บางหลังมีอายุกว่า 100 ปี แต่ทุกหลังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ทำให้ทุกคนเพลิดเพลินจนลืมเรื่องของเวลาไปเลย
นอกจากวิถีชีวิตชาวแพที่ช่วยทำให้การล่องเรือครั้งนี้น่าประทับใจแล้ว สถานที่สำคัญอย่างวัดโบสถ์ สถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวอุทัยที่มีอายุกว่า 100 ปี นับเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่ริมน้ำสะแกกรังมาช้านาน ถ้าได้ขึ้นฝั่งยังวัดโบสถ์ อย่าลืมไปชมความงามของภาพเขียนบนฝาผนังทั้งภายในและภายนอกพระอุโบสถ์ ที่เขียนไว้ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในแม่น้ำด้านหน้าวัดจะเห็นแพสีแดงที่เคยใช้รับเสด็จ รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งประพาสต้นตลอดระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมงที่เราได้ชมวิถีชีวิตริมฝั่งน้ำสะแกกรัง ทำให้รู้ว่าการท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบพิสดารมากมายก็มีความน่าสนใจอยู่ในตัว หลายคนอาจมองว่าการล่องเรือไปเรื่อยๆในแม่น้ำเป็นการท่องเที่ยวที่น่าเบื่อ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าใครมีโอกาสมาล่องเรือสัมผัสบรรยากาศในแม่น้ำสะแกกรังแห่งนี้ จะต้องหลงรักวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุขอย่างพอเพียงของชาวแพโดยไม่รู้ตัวแน่นอน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการล่องเรือทานอาหาร ชมวิถีชีวิตสองฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง โทร 08 6577 7781 , 08 7197 5115 , 08 1830 0653













ขอบคุณ นสพ เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=432&contentId=117325