นายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า ฮอนด้าได้แนะนำรถรุ่นแจ๊ซ ไมเนอร์เชนจ์ ( Jazz 2100 )โดยการปรับโฉมครั้งนี้ได้มีการเพิ่มอุปกรณ์ เช่น การออกแบบกระจังหน้าและหลังใหม่ ไฟท้ายแบบ LED ไปเบรกดวงที่ 3 สัญณาณกะระยะถอยหลัง ไฟตัดหมอกคู่หน้า เบาะนั่งสีใหม่ สีส้มบริลเลี่ยลถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก เอบีเอส เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในขณะที่ ฮอนด้า แจ๊ซ ไลน์อัพจะมีให้เลือกรวม 3 รุ่น 4 เกรด คือ แจ๊ซ รุ่น เอส เกียร์ ธรรมดา , แจ๊ซ รุ่น เอส เกียร์อัตโนมัติ ,แจ๊ซ รุ่น วี เกียร์อัตโนมัติและแจ๊ซ รุ่น เอสวี เกียร์อัตโนมัติ โดยราคาเริ่มต้นของแจ๊ซอยู่ที่ 590000 แสนบาท ปรับราคาเพิ่มขึ้นในรุ่นต่ำสุด 2 หมื่นบาท ในขณะที่รุ่นท็อปไลน์ ราคา 715000 แสนบาท ปรับราคาเพิ่มขึ้นจากเดิม 1 หมื่นบาท
สำหรับการประกาศเปิดตัว แจ๊ซ ไมเนอร์เชนจ์ถือเป็นจังหวะที่ดีของ ฮอนด้าในการ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งราคาของแจ๊ซใหม่ จากเดิมกำหนดเป็นราคารถขนาดเล็ก ครบคลุมกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ซื้อรถคันแรก ไปจนถึงระดับรถซับคอมแพค แต่ราคาใหม่จะเปิดข่องว่างให้ รุ่นบริโอเข้ามา เปิดตัวเลือกแทน ซึ่ง ช่องว่างราคาในระดับ 4-5.2 แสนบาท คาดว่าจะเป็นราคากำหนดขายของบริโอในเดือนมีนาคมนี้
ในขณะเดียวกัน การตั้งราคาใหม่ของแจ๊ซ ยังสะท้อนแนวโน้มราคารถยนต์ ในตลาดว่าอยู่ในช่วงของการปรับราคาขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ ได้ทยอยเปิดตัวรถกระบะและรถพีพีวีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ในระดับราคา 2-4 หมื่นบาท
นายฟูจิโมโตะ เปิดเผยต่อไปว่า ในกลางปีนี้ฮอนด้าจะเริ่มเดินสายการผลิตเป็นสองกะทั้ง สองสายการผลิต จากเดิม สายการผลิตที่ 1 ทำการผลิต 2 กะแต่สายการผลิตที่สองทำการผลิตเพียงกะเดียว การเดินสายการผลิตสองกะนี้ทำให้ ฮอนด้ามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 2.4 แสนคันต่อปีเป็น 2.8 แสนคันต่อปี ในขณะที่ฮอนด้ามีเป้าหมายการจำหน่ายในประเทศ 1.45 แสนคันและส่งออก 6 หมื่นคัน
“ตลาดรถยนต์คงยังมีการเติบโต เราคาดว่าตลาดรวม จะมียอดขาย 8.5 แสนคัน อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบที่ฮอนด้ากังวลคือ การเมืองและค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งถือว่าจะมีผลต่อการเติบโตของตลาดในปีนี้ค่อนข้างมาก”ประธานฮอนด้ากล่าว
ประธานฮอนด้า กล่าวต่อไปอีกว่า ในขณะนี้ฮอนด้าอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดตลาดรถที่ใช้เชิ้อเพลิงซีเอ็นจี อย่างไรก็ตามยังคงไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปิดจำหน่ายจริงเมื่อไรและใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจีกับรถรุ่นไหน เช่นเดียวกับรถไฮบริด ที่ฮอนด้ายังคงไม่มีการเปิดจำหน่ายรถไฮบริดแม้ว่าตลาดในไทยจะเริ่มมีผลิตภัณฑ์ไฮบริด ยี่ห้ออื่นๆ ออกมาจำหน่ายแต่ฮอนด้า ยังคงศึกษาความเป็นไปได้เพราะไม่แน่ใจในเรื่องของความนิยม ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาตัดสินใจที่จะเปิดไฮบริดของฮอนด้าในเมืองไทยอีกระยะหนึ่ง
“เรายังมองไม่ออกว่าลูกค้าไฮบริดกลุ่มคนไทยเป็นลุกค้ากลุ่มไหนเพราะว่า ในญี่ปุ่น ซึ่งมีไฮบริด ประมาณ 10เปอร์เซ็นต์ของตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลุกค้าสูงอายุ ในขณะที่ในไทยคาดว่า รถไฮบริดจะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มนี้
Credit :http://www.bangkokbiznews.com/
