วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ 1. ภาพหิมะ ตกตลอดสัปดาห์นี้อ่านต่วยตูนแก้เบื่อ !!!

วันสองนี้ว่างไม่งานทำ เลยเดินเที่ยวเก็บภาพหิมะ ที่ตกลงมาไม่ขาดสาย
 

ตกมาหลายเดือนแล้วและหนาวมากด้วย เข้าใจว่าเดือน หน้าหิมะคงหยุดตกแล้วละ ปีนี้ไมค่อยได้เก็บภาพสวยๆเลย เอาละออกไปหามุนสวยๆ มาเก็บเป็นระลึกดีกว่า






เดินไปเจออะไรๆก็เก็บๆอย่างเดียว อันที่จริงเรานั่งรถเที่ยวไปทั่ว ต่างหากคือมันหนาวมากๆไม่กล้าออกมาเดินนานๆ ต้องอาศัยรถเอาคะ















หิวก็แวะซื้อเบอร์เกอร์ที่นี่ พูดถึงเราชอบทานเบอร์เกอร์ปลา ของ DQ( Daily Queen) ของเขาอร่อยมากคะ


เมื่อกี้ก็แวะทาน Banna Split & Chocolate Shake อืมมม์ กู๊ด ลืมเก็นภาพมาฝากอิอิ

ภาพเราคลิ๊กดูได้นะคะ ขนาดใหญ่เท่าของจริง




อันที่จริง อาทิตย์ ว่างจัด ก็นำหนังสือที่ติดมาจาดเมืองไทยขึ้นมาอ่านเล่นเพื่อบันเทิง "ต่วย ตูน"ค่ะ สนุกมากมายฮ่า


กลับเข้าบ้าบก็มานั่งอ่านหนังสือริมหน้าต่าง เป็นมุนสงบส่วนมากๆ ด้านนอกจะมีเสียงคนคุยกับสลับเสียทีวีแข่งกันตลอดคะ อ่านหล่ายเรื่อง ชอบทุกเรื่อง อ้อ ต่วย ตูนเล่มนี้เก่ามากๆ เมื่อ 23 ปีก่อน ออกวางเมื่อเดือน มิถุนายน 2531 จำได้ว่าซื้อตรงห้างใหม่ ตรง ลาดพร้าว ซอย1 หนังสือ ต่วย ตูน สมัยนั้น เล่มละ 10 บาท แต่อันนี้เขาขายแพงกว่าก่อน เห็นขายบอกว่าหนังสือเก่าหายากฮ่าแพงกว่าหลายเท่าอยู่ ว่าแต่ เดียวนี้ ต่วยตูน มันเล่มละเท่าไหรละเราเองก็ไม่ทราบ คงราวๆ 25-35 บาทได้ละมั่ง หากว่าเกินจากนี่ก็ขอโทษด้วยนะคะ

อันที่จริงช่วงนี้มีเทนนิสด้วย ก็ชมสลับกันกะอ่านต่วยตูน เข้าใจว่ามีดีวยกัน 29-30เรื่อง เราอ่านผ่านแล้ว 13 เรื่อง คืออ่านทุกตัวอักษร เลยคะที่เป็นเช่นนั้น เพราะ เนื้อหาด้านมีทั้งความรู้และเรื่องฮ่าๆ...
เรื่องเราอ่านก็มีดั่งนี้

1..เรื่องภาษาไทยกับคนไทย โดย พล.อ.อ. หะริน หงสกุล  อ่านเรื่องแรกฮ่ามากๆ เด๋วไว้จะนำมาเล่าให้ฟังวันหน้าจ้ะ


2. ต้นไม้สื่อสาร โดย คุณ วิญญู อังคณารักษ์ เรื่องนี้ เต็มไปด้วยความรู้ด้วยล้วนๆก็อีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากถ่ายทอดหลังจากอ่านแล้ว....ก็วันหน้าอีกเหมือนกัน

3.สัมภาษณ์มาราธอน โดย ฮิวเมอริสต์ เรื่องนี้ สนุกฮ่าเจ็บๆคันๆมีโอกาสจะนำมาเล่าเหมือนกันคะ
4.ตามรอยลายสือไทย โดย ส. บุญเสนอ เรื่องทราซึ้งมากๆ อิอิ


ภาพนี้เจอรถกวาดหิมะอยู่ด้านหน้า ขับเร็วไม่ได้รถตามหลังอีกหลายคันก็ต้องทำจัยเหมือนกันอิอิสาเหตุคงพอเดาได้นะคะ เจ้ารถกวาดหิมะมันคันใญ่นั้นเอง เราเลยอดเซงแย่กันขับเร็วฮ่า มาเรื่องหนังสือทีมีเป็นตอนๆและเป็นเรื่องๆหลายเรื่องหลายตอนใน ต่วยตูนต่อดีกว่าคะ  5. เที่ยวฮอลแลนด์-แดนทิวลิป โดย คุณ วิลาศ มณีวัต....


6.สมเสร็จ เรื่องของสัตว์มหัศจรรย์ ..โดย คุณ ประพันธ์ บุญกลิ่นขจร อันนี้พอเดาออกเช่นนะคะว่าเป็นเรื่องของ"สมเสร็จ"นั้นเหละ ใช่คะแน่นอน



ขาวโพลน มองไรไม่เห็นจริงๆคะ ในบางช่วงขับรถแทบตกถนน ก็เจ้ารถกวาดหิมะ มันเล่นปัดฝุ่นละออพ่นออกมเต็มหน้าปัดรถที่ตามฮ่าขอบอกว่างุงิ แต่ทำอะไรมากมายไม่ได้นอะจากว่าขับตามไปเรื่อยๆ



ดูบ้านเรือนเหล่านี้ ปกติหากว่าไม่ใช่หน้าหนาวจะมองไม่เห็นเพราะโดนใบไม้พุ่มไม้ปกปิดซ่อนไว้นั้นเอง มันช่วยให้เราเองตื่นตามากๆ ตรงที่แต่ละหลังรูปทรงมองดูแปลกออกไป โดยเฉพาะหลังคาที่ปกคลุมด้วยหิมะ มองดูคล้ายๆบ้านของSantaclaus ลองึลิ๊กขึ้นมาดูนะคะ....มาต่อเรื่องมีอยู่ในหนังสือต่วยตูนที่เราอ่านดีกว่าคะ...

7.เมื่อพวกผมต้องตรวจโรคจิต โดย คุณ สมบูรณ์โชด เฉลยให้นิดหนึงว่าเป็นเรื่องของพวกนักเรียนนายอำเภอ ต้องไปตรวจสุขภาพจิต ที่โรงบาลศรีธัญญา เลยมีเรื่องฮ่าๆตลอด มีโอกาสจะนำมาเล่าให้ฟังคะ

"ปรากฏการณ์ "บั้งไฟพญานาค" สนใจคลิ๊กอ่านนะคะ http://www.dmc.tv/pages/scoop/bangfai_payanaka.html
8.บุญเดือนหก โดยปรีชา จำปามาศ """ ตามฮิ12หรือจารีต12ของคนอีสาน พอถึงเดือน 6 คืองานจุดบั้งไฟ ตามประเพณี บางคนทั้งทีเกิดอยู่อีสานแท้ๆกินข้าวเหนียวหมดไปหลายหลายกระสบอแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเขาทำบุญเดือน 6 จุดบั้งไฟไปทำไม บ้างก็ว่าเป็นการจุดขอฟ้าขอฝนเพราะถึงฤดูตกกล้าทำนากันแล้ว บ้างก็ว่าเป็นประเพณีที่บรรพบุรุษปฏิบัติสืบต่อกันมา บ้างก็ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ ยโสธร เขาจัดเป็นงานระดับชาติบลาบลา.....

9.ชีวีตเด็กบ้านสวนบางลำเจียก ตอน "สัตว์ต้องห้าม" เรื่องฮ่ามากๆ ก็เป็นเรื่องซนๆของเด็กๆที่เริ่มเรื่อง ก็เล่าถึงการเลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อเอาไว้แข่งก็เป็นเรื่องน่ารักๆซนๆของวัยเด็กสนุกคะ แต่ตอนจบนี่สิหักมุนเฉยเลย ไปเรื่องกิ้งเกือ ...มีหนุ่มพิเรน จับมันไปหลอกสาว...สาวจ้าวกรี๊ดดังลั่นบ้าน...แถมข้าวของเสียหาย เพราะสาวตกใจกิ้งเกือ ทิ้งกระจาดกระจัดกระจาย จากจ่ายตลาดมา...อืมมมม์ ตกลงว่าหมู่บ้านแห่งนี้ห้าม นำ กิ้งเกือ มาเลี้ยงฮ่าๆ ................

ผ่านฟาร์มเลี้ยงวัวนม(เนื้อ)ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆอากาศข้างนอกหนาวเป็นบ้าวัวพวกนี้ยืนเคี้ยวเอื้อหน้าตาเฉยงงมะ? เราเองก็งงมากๆ อากาศติดลบ-6 องศานะคะและวันนี้หนักกว่า -12 องศา เข้าไปนั้น วัวบอกว่าเฉยๆ อันนี้เราแอบเติมเอง...อันที่จริงยังไม่มีโอกาสถาม วัว มันเป็นเรื่องเป็นราวฮ่าๆอ้าวเรื่องหนังสือไปถึงไหนแล้วนี้...มาต่อๆ....

10.เรื่องหรรษาในแวดวงทีวี ตอน อิธิพลของทีวี โดยคุณ ถาวร ช่วยประสิทธิ์ ....มันเป็นเรื่องการค้า โฆษณา ราคาแพงๆ ก็ยกตัวอย่าง สินค้าที่ออกทีวี ขายดี เพลงโฆษณา เป็นผลให้ขายได้ ฯลฯ อันที่จริงทุกเรื่องในหนังสือ ต่วย ตูน เขาเขียนได้ฮ่า อ่านไม่รู้เบื่อ เพราะมีการหยิบยกความรู้มาเขียนไว้ด้วย และคนเขียนก็เป็นคนทีมีความรู้ บางท่านจบนอกมา..เรียนจบมีปริญญา...หลังเรื่องนี้กลอนขำขำ ...ด้วยลงไว้ตอนจบดังนี้...

เฉียดวรรณกรรม 

ลดความอ้วน
ลดความอ้วนมีประโยชน์โทษน้อย
คนนับร้อยลดกันไม่หนักหนา
ทำได้ไม่ต้องเปลือกเรื่องเงินตรา
ไร้โรคาพยาธิ์มาเกาะกุม
  • คนอ้วนล้วนชอบเป็นเบาหวานง่าย
  • หัวใจวายสุดยั้งยังแต่หนุ่ม
  • ความดันโลหิตสุงมุ่งมารุม
  • ต้องควบคุมกันอย่ากินตะบอย
ถ้าจะกินอะไรอย่าให้หวาน
บอกลูกหลานไขมันต้องน้อยหน่อย
ข้าวผลไม้ไม่เลือกเผือกมันกลอก
จึงต้องคอยกวดขันหมั่นมองดุ
ออกกำลังกายพอควรลดอ้วนได้
ลดง่ายไม่ยุ่งยากหากใจสู้
อย่านั่งนิ่งวิ่งเถิดชนเชิดชู
แล้วจะรู้ลดได้ไม่ประวิง
  • จะกินยาลดอ้วนควรถามหมอ
  • อย่ารั้งรอลดได้ไม่ต้องวิ่ง
  • ไม่ต้องออกกำลังกายง่ายจริง
  • อยู่นิ่งนิ่งก็ผอมยอมนะคุณ
ลดอ้วนแบบนี้วิธีสุดท้าย
รีบยักย้ายเล่นแชร์แลเล่นหุ้น
พอแชร์ล้มหุ้นตกต้องขาดทุน
หมดเงินหมุ่นตรมตรอมผอมทันที

หน่อง ๘๘
ขอนแก่น๓/๓/๓๑


 11.บันทึกจากนักอ่านถึงนักอ่าน โดย คุณ ทัศน์ ชมภูมิ่ง...


เล่มนี้ก็เป็นฉบับที่ 39 แล้ว..แสดงว่าผ่านไปหลายฉบับ..ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าผู้เขียนชอบอ่าน...และ ถึงทุกท่านที่มาอ่าน...เรื่องคุณ ทัศน์ ชมภูมิ่ง... เขียนน่าสนใจจริงๆค่ะ เช่นว่า"
  • เรือเดินสมุทรลำกระจ้อยร่อย ชื่อเรือซาเชม ระวางขับน้ำ 387 ตัน ที่กัปตันคอฟฟี่นพาแล่นใบออกจากปากน้ำเมืองสมุทรปราการมุ่งหน้าไปยังท่าน้ำเมืองบอสตัน ในเช้าของวันเถลิงศก 2372 นั้น นอกจากจะมีสองผู้โดยสารสำคัญคือฝาแฝดสยามอินกับจัน ซึ่งกัปตันชาวอเมริกันเชื้อสายสกอททิส ตั้งใจพาโชว์ตัว เพื่อถ่ายอัฐจากกระเป๋าที่ค่อนข้างจะอู้ฟู้ของชาวบอสทันเนียน
  • มาแบ่งกันกินกันใช้กับหุ้นส่วนคือนายห้างหันแตรคนอังกฤษ อย่างที่ได้เคยทำเป็นบันทึกให้ได้อ่านกันมาแล้ว
  • กัปตันชื่ออุบาทว์คือ กัปตันโลงผี ผู้นี้ยังได้รับฝากเอกสารสำคัญไปกับตนอีกด้วยฉบับหนึ่ง
  • เอกสารสำคัญฉบับนี้ ในเวลาต่อมาไม่ช้าไม่นานต่อมา ก็ได้นำประโยชน์มหาศาลมาให้แก่ประชนคนไทย
  • เอกสารสำคัญฉบับนี้ ทำขึ้นในรูปรายงานการประดิษฐาน พระคริสตศาสนา นิกายเพรสไบเทเรียน ที่ดำเนินการไปไม่ได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้ ประชาชนชาวคนบางกอกฉลาดเกินไปที่จะหลงเชื่อคำเผยแผ่หรือคำสอนดาดๆของหมอสอนศาสนาธรรมดาๆ
ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฏสมมติเทวาวงศ์ก็ยังทรงวิพากษ์วิจารณ์การเผยแผ่ของบรรดาหมอสอนศาสนา
เหล่านั้นเอาอย่างดื้อๆว่า'' What you teach people to do is remarkable,but what you teach them to believe is foolish''


  1. รายงานฉบับบนั้นเสนอแนะให้คณะกรรมการศานาคือ Prudential Committee ของสำนักมิชชั่นนารีใหญ่ หรือ American Board of Commission for Foreign Mission ที่เมืองบอสทัน ให้ลองเปลียนเอาหมออายุรเวช ที่ผ่านการอบรมทางด้านการพระศาสนา มาสับเปลียนหมอสอนศาสนาที่ไม่มีความรู้ทางแพทย์ทีมีอยู่เดิม...การสร้างพระคุณโดยช่วยบำบัดโรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่อย่างชุกชุม อาจจะช่วยเบิกตา คนบางกอกใหเห็นสัจธรรมของพระเยซูคริสต์ได้มากมากขึ้นบ้างก็เป็นได้
รายงานฉบับนี้ทำขึ้นโดยสาธุคุณ คาร์ล กุทซลัฟพ์ ผู้ประสานและผู้ตรวจการประดิษฐานพระศริสตศาสนาในภูมิภาคส่วนนี้ของโลก

คนบางกอกรู้จักหมอสอนศาสนาท่านนี้ในนาม หมอกิดซะลับ ซึ่งถ้าเป็นภาษาเขียนก็มักจะเขียนว่าหมอกิศลับ

เมื่อกัปตันคอฟฟีนนำรายงานฉบับนี้ไปมอบให้กับคณะกรรมการศาสนา พร้อมกับช่วยชี้แจงให้ึณะกรรมการได้รับรู้รับฟังถึงสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมต่างๆนานา เป็นทำนองบรรยายสรุป"ตามคำขอร้องของหมอกิศลับ ให้เป็นที่แจ่มแจ้งแล้ว

ในปีเศษๆต่อมา คณะกรรมการก็ส่งนายแพทย์ เดวิด เอบิล เดินทางเข้าประจำอยู่ในเมืองบางกอก โดยกะการกันไว้ว่าจะให้อยู่ประจำอย่างถาวร

นายแพทย์เอบิล เดินทางมาถึงวันที่ 2 กรกฏาคม 2374 มายังไม่ตั้งตัวติด น้ำเหนือก็หลากลงมาท่วมกรุง หมอเอบิลต้องเลยจับเจ่าอยู่กับเรือน  เวลา สอง สาม เดือนน้ำลง แต่ด้วยว่า หมอเอบิล มาอยู่ผิดที่ผิดกาศ สภาพจิตแย่เลยต้องลากลับกล่าวคำสวัสดีเมืองไทยกลับเมืองมะริกา.....

ที่นี้ดูเหมือนว่าพระสยามเทวาธิราชท่านจะทนดูดายต่อไปอีกไม่ไหว ท่านก็เลย........

ข้ามน้ำข้ามทะเลไปดลใจให้คณะกรรมการชุดเดิมคัดเลือกสรรเอาลั๊ฟลี่อเมริกาตัวเจ๋งๆให้มาช่วยพัฒนาเมืองไทยให้เป็นกอบเป็นกำเป็ล่ำเป็นสันกันเสียที ลั๊ฟลี่อเมริกันที่ถูกส่งมาแทนหมอเอบิลคนนี้ได้แก่ DR .Daniel Beech Bradley- ซึ่งก็คืออเมริกันผู้น่ารักที่เราเรียกกันติดปากว่าหมอปลัดเล คนนั้นเอง......

บันทึกถึงผู้อ่านนั้นเลือกสรรเอาแต่เรื่องที่หาอ่านยากมาบริการนักอ่าน
เรื่องของหมอปลัดเล มีให้เลือกอ่านหลายเล่มหลายสำนวน พูดง่ายๆก็คือหาอ่านที่ไหนก็ได้ ฉะนั้นจึงขอผ่านไปพูดถึงเรื่องของเขยขวัญของหมอปลัดเล ซึ่งหาอ่านได้ยาก ต้องเป็นนักอ่านจริงๆ จึงจะแสวงหามาอ่านได้ เขยขวัญของหมอปลัดเลนั้นมีอยู่สองคน เป็นนายแพทย์เรียนสำเร็จ....ที่มา หนังต่วยตูน เดือน มิถุนายน 2531 หน้า138

เด๋วไว้มาลงต่อนะคะ พอดีว่ามีธุระต้องออกไปข้างนอก.........
ส่วนภาพ เป็นฟาร์มเก็บพืชผลตลอดจนอาหารของสัตว์ที่เลี้ยงไว้และเป็นคอกสัตว์....


เพิ่งเข้ามา อ่านดู เขียนผิดอยู่หลายตำแหน่งฮ่า ต้องอภัยด้วยนะคะ