วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

บีเอ็มฯ ซีรีส์ 6 เปิดประทุน เติมความสปอร์ตกับเทคโนโลยีเหนือชั้น

ประเดิมเปิดศักราชใหม่ตั้งแต่ต้นปี สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ด้วยงานจัดแสดงโชว์นวัตกรรมการพัฒนาของโลกยานยนต์ กับงาน "ดีทรอยต์ ออโต้ โชว์" ที่เมืองดีทรอยต์ มลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา โดยปีนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่พร้อม ในงานนี้กันอย่างคับคั่ง รวมทั้งค่ายตราใบพัดสีฟ้าอย่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ส่งรถเปิดประทุนใหม่อย่าง "บีเอ็มฯ ซีรีส์ 6 เปิดประทุน" (convertible) ออกสู่ตลาด กับคอนเซ็ปต์ของการผสมผสานความหรูหรา สง่างาม และเทคโนโลยีที่เหนือชั้น 

สำหรับบีเอ็มฯ ซีรีส์ 6 คันนี้ ถือเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุน 2 ประตู 2+2 ที่นั่ง ที่เน้นความหรูหรา สง่างาม และความสปอร์ตปราดเปรียว ที่ถูกถ่ายทอดผ่านลายเส้น ไล่เรียงตั้งแต่ตัวถังแนวสปอร์ตที่แบนกว้าง ฝากระโปรงหน้ายาว ฐานล้อยาว และขอบกระจกด้านข้าง ไล่ไปรับกับฝากระโปรงหลังอย่างกลมกลืน 
โดยเฉพาะลายเส้นบนฝากระโปรง จากสัญลักษณ์รูปไตคู่ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า ไล่แนวอย่างต่อเนื่อง เป็นแนวสันบนฝากระโปรงหน้า คล้ายแนวสันคลื่นที่พลิ้วไหว จากหัวเรือยอชต์แหวกผิวน้ำทะเลสงบด้านข้าง 

ให้ความรู้สึกปราดเปรียวจากแนว "จมูกฉลาม" ด้านหน้าไล่แนวสู่ด้านข้างตลอดแนวความยาวของตัวรถ พร้อมกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ แนวขอบกระจก ถูกเน้นด้วยเส้นโครเมี่ยม เพิ่มความหรูหราได้อย่างลงตัว 

ด้านหลังเพิ่มความสปอร์ตดุดัน ด้วยรูปทรงแบนกว้าง ถูกเสริมด้วยแนว "V" ฝากระโปรงหลังสอดรับกับพื้นผิวโค้งเว้าของฝากระโปรงหลัง ให้ความรู้สึกดุดันและมีพลัง แต่ยังแฝงความสุขุม ส่วนหลังผ้าใบของซีรีส์ 6 คันนี้ ออกแบบให้มีรูปทรงโค้งสวยงาม ผลิตจากวัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันเสียงและกันความร้อน 

พร้อมการออกแบบของหลังคาโดดเด่นด้วยกระจกหลัง แนวตั้ง พร้อมกับ "ครีบ" 2 ด้าน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถคันนี้ หลังคาผ้าใบเปิด-ปิดด้วยระบบกลไกไฟฟ้า ด้วยเวลาเพียง 19 วินาที ในการเปิด และ 24 วินาที ในการปิด โดยสามารถทำงานขณะรถวิ่งได้ถึงความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

ภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบภายในเพียบพร้อม ความหรูหรา และสะดวกสบาย พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สุดไฮเทค ที่ถูกจัดวางได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ "แดชบอร์ด" ที่เน้นความสวยงามประณีต ให้ใช้งานง่าย หน้าปัดใช้เทคโนโลยี black panel พร้อมกับจอแสดงผลกลางที่ทำงานคู่กับระบบควบคุม iDrive โดยจอแสดงผลดีไซน์ใหม่ในรูปแบบ flat screen มองเห็นชัดเจนและสวยงาม

ด้านคอนโซลกลางทำมุมเอียงเข้าหาผู้ขับในสไตล์ของบีเอ็มฯ ขณะที่เส้นสายภายในห้องโดยสาร ก็ออกแบบมาให้รู้สึกพลิ้วไหว ต่อเนื่องจากแดชบอร์ดสู่แผงประตูข้าง และไล่แนวสู่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกคล้ายโอบล้อมห้องโดยสารให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แถมยังสอดรับกับการออกแบบจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ส่วนเบาะที่นั่งทั้ง 4 ที่ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เน้นความสบาย ผ่อนคลายทั้งการขับในเมืองและทางไกล

สำหรับขุมกำลังของรถคันนี้มีให้เลือก 2 รุ่น คือ 650i, 640i ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนทั้ง 2 รุ่น โดยรุ่น 650i มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo แบบ V8 ความจุ 4.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 407 แรงม้าที่ 5,500-6,400 รอบ และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8HP 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 5.0 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 9.3 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 249 กรัมต่อกิโลเมตร 
รุ่น 640i นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo แบบ 6 สูบแถวเรียง ความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดได้ 320 แรงม้าที่ 5,800 รอบ และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตรที่ 1,300-4,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8HP 8 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 5.7 วินาที มีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 12.7 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 185 กรัมต่อกิโลเมตร 

ส่วนตลาดในบ้านเรานั้น ไม่รู้ว่าบีเอ็มฯจะสั่งนำเข้ามาทำตลาดบ้างหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป


ขอบคุณ นสพ ประชาชาติธุรกิจ


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1295505827&grpid=07&catid=00&sectionid=0225