วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

“นมัสเต” ณ ใจกลางเมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงประเทศเนปาล

ก่อนอื่นขอเริ่มต้นเรื่องราวท่องเที่ยวในดินแดนสูงเสียดฟ้า ด้วยคำว่า “นมัสเต” คำทักทายที่ชาวเนปาลใช้ในทุกโอกาสที่ได้พบปะหรือจากลากันตามแบบฉบับของศาสนาฮินดู มีความหมายว่า “ขอนมัสการพระเจ้าในตัวคุณ”
    
ได้ฟังและสัมผัสคำทักทายดังกล่าวทำให้รู้สึกได้ถึงความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้าที่ซึมซับอยู่ทุกลมหายใจของชาวเนปาล ณ ดินแดนแห่งนี้ที่ผู้มาเยือนบางคนถึงกับกล่าวขานว่า เป็นดินแดนแห่งตำนานและความเป็นจริงที่แยกกันไม่ออก เพราะยังเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทั้งด้านขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่มีการอนุรักษ์ไว้อย่างครบถ้วน
    
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ประเทศเนปาล ยังถือเป็นดินแดนที่สูงเสียดฟ้าที่ผู้คนทั่วโลกต่างรับรู้ว่าเป็นที่ตั้งของ ’ยอดเขาเอเวอเรสต์“ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย เสน่ห์และความงดงามของธรรมชาติเทือกเขาหิมาลัย จึงเป็นอีกสถานที่ที่ผู้คนทั่วโลกจำนวนมากใฝ่ฝันจะได้ไปเยือนสักครั้ง หรือถ้าบรรดาผู้ที่ชื่นชอบแนวท้าทายผจญภัยบนความสูง บวกกับพละกำลังอันแข็งแกร่งก็คงอยากจะไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
ถือเป็นความโชคดีของผู้เขียนและคณะสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ อีกกว่า 30 ชีวิต ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนเนปาล ช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับทีมงานของ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เพื่อเดินทางไปรอรับ คุณณัฐพล หรือนาถ ทรัพย์มนู อายุ 35 ปี นักปีนเขาชาวไทยที่เข้าร่วมโครงการ “คิดใหญ่...กล้าใช้ชีวิต Live Your Dream” ที่มีโอกาสเดินทางตามความฝันของตัวเองเยือนถิ่นเอเวอเรสต์ ถึงแม้ว่าความฝันที่มุ่งมั่นอยู่ในใจจะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงลงไปได้ก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความมุ่งมั่น ทุ่มเท ที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนไทยอีกมากมาย
   
ภายหลังจากคุณณัฐพล หรือ “เมนู”(นิคเนมที่เพื่อน ๆ ศิษย์เก่าสวนกุหลาบตั้งฉายาไว้) ต้องตัดสินใจยุติภารกิจขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ เหตุผลเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เมื่อคณะของผู้เขียนไปถึงเนปาล จึงได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยถึงเรื่องราวบางช่วงบางตอนของความท้าทายครั้งหนึ่งในชีวิตว่า แม้ความฝันจะต้องสลายมลายลงไปในวันที่ 24 พ.ค. 54 เพราะทีมงานต้องตัดสินใจยุติภารกิจเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนมาก นอกจากนี้ เชือกชนิดพิเศษ ที่ต้องใช้ปีนในระยะสุดท้ายก็ทำเสร็จล่าช้าเลยกำหนดช่วงเวลาที่สภาพอากาศเหมาะสมตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ ทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปต่อได้

“อากาศแปรปรวนมากเพราะกำลังขยับใกล้ช่วงฤดูมรสุม จากอากาศกำลังดีจู่ ๆ ก็มีพายุหิมะเข้าอย่างหนัก นักปีนเขาชาวเนปาล เชื้อสายเชอร์ปา(Sherpa)ปรมาจารย์นักปีนเขาประเมินเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยนเลยว่า ฤดูมรสุมปีนี้จะมาเร็วกว่าปกติ ถ้าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต้องยุติการเดินทาง เป็นจังหวะที่เพื่อนชาวเชอร์ปาที่ร่วมเดินทางบางคนป่วยหนัก ทางคณะจึงตัดสินใจร่วมกันว่าควรเดินทางกลับเพื่อความปลอดภัย”
   
นักปีนเขาหนุ่มไฟแรงชาวไทย บรรยายถึงเหตุการณ์ช่วงปีนขึ้นไปอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยเพื่อเตรียมจะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ว่า ตอนที่รอเชือกชนิดพิเศษผมก็รู้สึกผิดหวัง เพราะเห็นทางฝั่งใต้เขาปีนขึ้นได้ แต่พอทำเชือกเสร็จประมาณวันที่ 19 พ.ค มรสุมก็เริ่มพัดกระหน่ำอย่างชนิดไม่ลืมหูลืมตา มองไปทางไหนก็มีแต่หิมะ สภาพอากาศเลวร้ายอย่างสาหัส หากยังฝืนดันทุรังปีนขึ้นไปจริง ๆ ก็คงเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่เอเวอเรสต์แน่ ๆ จิตใจตอนนั้นมันบอกไม่ถูก รู้สึกเซ็ง เสียใจ มันมีทุกโหมดอารมณ์ของคำว่าผิดหวังจริง ๆ ทั้งที่ระยะทางเหลืออีกเพียงแค่ 1 กม. กว่า ๆ เท่านั้นเอง

สำหรับการแก้ตัวเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ในปีถัดไปให้ได้นั้น นักปีนเขาหนุ่มชาวไทย กล่าวทิ้งท้ายอย่างมั่นใจว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะมีเพื่อนคนไทยไปร่วมเดินตามความฝันกับผมด้วย เชื่อว่าสำหรับคนที่มีฝันก็ต้องทำตามความฝันให้ได้ครับ ขอขอบคุณชาวไทยทุกคนที่ช่วยส่งกำลังใจมาให้รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอเรื่องราวครั้งนี้ด้วย (ติดตามชมคลิปวิดีโอ บทสัมภาษณ์ นักไต่เขาหนุ่ม ณัฐพล ทรัพย์มนู พร้อมภาพบรรยากาศของการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ทางเว็บไซต์ นสพ.เดลินิวส์ www.dailynews.co.th)
   
การเดินทางในทริปนี้นอกจากจะมีโอกาสได้พูดคุยกับนักปีนเขาชาวไทยแล้ว คณะของเรายังได้มีโอกาสตระเวนท่องแดนหลังคาโลก เนปาล ได้ชมโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ๆ หลายแห่ง โดยมี “สุจิน ขัดกิ”ไกด์ท้องถิ่นชาวเนปาล และ คุณแจน ศิริกุล ผู้ประสานงานชาวไทย พาคณะลัดเลาะตระเวนไปยังถิ่นท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศเนปาลกันแบบจุใจ
   
เริ่มต้นการท่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ณ ใจกลางเมืองกาฐมาณฑุ เมืองหลวงประเทศเนปาล ที่ กาฐมาณฑุเดอร์บาร์เที่ยม ชม“พระราชวังหนุมานโดก้า” เป็นสถาปัตยกรรมทรงผสมระหว่างเนวาร์ ชาวพื้นเมืองดั้งเดิม กับแบบยุโรป สร้างขึ้นในราชวงศ์ซาร์หาร์ จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือ เป็นพระราชวังหลวง ด้านหน้ามี รูปปั้นเทพหนุมาน ซึ่งเป็นทหารเอกของพระรามตามเรื่องในวรรณคดีรามเกียรติ์ หรือ รามายานะ ของชาวภารตะ โดยรูปปั้นหนุมานจะถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงกึ่งนั่งกึ่งคุกเข่า เฝ้าประตูวังหลวงมาเป็นเวลานับหลายร้อยปี ความเชื่อของชาวเนปาลเชื่อว่า เทพหนุมาน ซื่อสัตย์และทรงพลังจะช่วยปกป้องคุ้มครองเมืองให้ปลอดภัย อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ภายในอาณาบริเวณยังมี หอพระสันตปูร์ เป็นหอสูง 9 ชั้นใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญของราชวงศ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมี บ้านกุมารี ที่พำนักของเทพธิดาเป็นตัวแทนแห่งเทพที่บริสุทธิ์ ตัวบ้านเป็นตึกไม้ 3 ชั้นแกะสลักด้วยลายวิจิตรงดงาม 

ส่วนบรรยากาศยามเย็น ไกด์ได้พาคณะเดินแหล่งบันเทิงชอปปิง ถนนทาเมล อันลือชื่อมีร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองให้เลือกจับจ่ายซื้อหากันแบบจุใจ ไล่ตั้งแต่หนังสือ ผ้าพสามีน่า อุปกรณ์เดินเขา ใบชาอันลือชื่อ งานหิน งานลูกปัด งานแกะสลัก ทั้งไม้ ทองเหลือง กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และของฝากกระจุกกระจิกมากมายในราคาย่อมเยา การต่อรองขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน แต่บอกได้เลยว่าราคาไม่แพงเลยสักนิด
   
แหล่งท่องเที่ยวในประเทศเนปาล นอกจากมีความงดงามของธรรมชาติและขุนเขาอันยิ่งใหญ่แล้ว สถาปัตยกรรมโบราณล้ำค่าเกือบทุกแห่งก็ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดียวกัน หลังจากเราได้มีโอกาสชมพระ ราชวังโบราณแล้วก็ได้มีโอกาสไปสักการะ วัดสวยัมภูวนาถ หรือที่ชาวเนปาลเรียกว่า วัดลิง เป็นวัดที่มีความสำคัญของเนปาล มีเจดีย์ทรงโอคว่ำ เก่าแก่ที่สุดของประเทศแถบเอเชียใต้ประดิษฐานอยู่ มีลักษณะเป็นปล้องไฉน 13 ชั้น ซึ่งมีความหมายว่า บันไดที่เดินขึ้นสู่สรวงสวรรค์ รอบเจดีย์ มีฐานหลักอยู่ 5 ช่องที่เรียกว่า ทับเกษตร เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 ทิศ โดยมีการเขียนรูปดวงตาทั้งสี่ทิศขึ้นรอบขององค์เจดีย์อีกด้วย ซึ่งชาวเนปาลมีความเชื่อกันว่า รูปดวงตาทั้ง 4 ทิศ จะคอยมองคุ้มครอง ป้องกัน และสกัดกั้นสิ่งชั่วร้าย เภทภัยต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
   
จากนั้นเราได้เดินทางสู่เมืองแห่งศิลปะลลิตปูร์ หรือ ลลิตปูระ หรือ ปาทัน เมืองที่โดดเด่นและแสดงถึงความรุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์มัลละ โดยได้เข้าเยี่ยมชมเจดีย์ สร้างถวายแด่ เทพกฤษณะ สร้างในแบบเจดีย์ทรงศิขะระ มียอดเจดีย์เล็ก ๆ ถึง 21 ยอดและมีลวดลายจากวรรณคดีรามายานะ ที่เมืองปาทันนี้ยังมี วัดทองวัดพุทธ ซึ่งหลังคาทำด้วยแผ่นทองยาวทอดเป็นเส้นจรดพื้น

สำหรับไฮไลต์ของการเดินทางในทริปนี้ คงหนีไม่พ้น การขึ้นเครื่องบินชมเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งถูกขนานนามว่าหลังคาโลก มียอดเขาที่สูงติดอันดับของโลกถึง 8 ยอด แม้คณะของเราจะไม่ได้มีโอกาสปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือ เอเวอเรสต์ (ความสูง 8,848 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) แต่ก็ได้ชื่นชมยอดเขาเอเวอเรสต์แบบเต็มอิ่ม เพราะนักบินพาบินวนรอบ ๆ เทือกเขาให้ท่านชมอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญได้รับใบรับรองการขึ้นเครื่องบินด้วย ไกด์เนปาลบอกว่าถ้าหากใครต้องการทริปฮันนีมูนก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย ค่าใช้จ่ายอยู่ราว ๆ 4,000-5,000 บาทต่อหัว แต่การเดินทางครั้งนี้บรรดาหนุ่มโสดขอการันตีถึงความสวยและอัธยาศัยดีของนางฟ้าชาวเนปาล ยิ้มแย้มสดใสเป็นกันเองบริการได้สุดประทับใจ
   
เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์เนปาล อีกแห่งซึ่งเป็นอดีตราชธานีที่มีความสำคัญทางด้านการค้ากับทิเบต นั่นคือเมือง บักตาปูร์ หรือ ภักตะปูระ มีความหมายว่า เมืองที่ภักดีต่อพระเจ้า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอนันทเทพ ในยุคสมัยเริ่มแรกแห่งราชวงศ์ โกปาละ มีความเชื่อกันว่าการสร้างเมืองนี้ เพื่อถวายแด่เทพวิษณุ มีการวางผังเมืองในลักษณะเหมือนลายที่อยู่ภายในหอยสังข์ผ่าครึ่ง เมืองนี้โดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ซึ่งยังคงอนุรักษ์ไว้ได้อย่างกลมกลืนกับสังคมปัจจุบัน ทำให้ได้รับคัดเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังมาแล้วหลายเรื่อง อาทิ Little Buddha,7 years in Tibetฯลฯ
   
ก่อนหน้านี้ได้เกริ่นไปแล้วว่า ในเนปาล มีสถาปัตยกรรมโบราณหลายแห่งได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกใครที่ชื่นชอบการเดินทางเช่นนี้เรียกว่ามาแล้วไม่ผิดหวัง วัดโพธินาถ หรือ โพธนาถ หรือ โบดานาถ วัดพุทธมหายาน ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเช่นกัน มีเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้ องค์เจดีย์เขียน รูปดวงตาแห่งธรรม ทั้ง 4 ด้าน และมีเครื่องหมาย เอกกะ หรือ เอ๊ก ในภาษาเนปาลซึ่งแปลว่า หนึ่ง อยู่ตรงกลางหน้าผาก ซึ่งมีความเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ลิจฉวี ในศตวรรษที่ 5 มีฐานรอบเจดีย์ ถึง 3 ชั้น มีความหมายเกี่ยวกับพุทธศาสนา ในเรื่องการหลุดพ้นจากกิเลสหรือ การทางเดินสู่สรวงสวรรค์ รอบฐานเจดีย์จะบรรจุพระพุทธเจ้าปางต่าง ๆ ถึง 108 ปาง บริเวณรอบองค์เจดีย์เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวทิเบต ที่เคยอพยพลี้ภัย
   
ชาวพุทธทิเบต ส่วนใหญ่มีความเลื่อมใสในศาสนา ทุก ๆ วันเมื่อออกจากบ้าน จะเดินทางมาที่องค์เจดีย์ และเดินทักษิณาวัตรรอบองค์เจดีย์ และในตอนเย็นก่อนกลับเข้าบ้านจำนวน 108 รอบทุกวัน ซึ่งขณะที่เดินรอบองค์เจดีย์นั้น มือขวาก็จะหมุนไปที่กงล้อ พร้อมกับมือซ้ายถือลูกประคำ สวดภาวนาว่า “โอม มณี ปัทท เม หุม”อยู่แบบนี้จนครบ มีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมเอาพระรัตนตรัย และดวงใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์มาไว้ในดวงใจของข้าพเจ้า 

การเดินทางของคณะชาวไทยในช่วงนั้น สถานการณ์ภายในประเทศเนปาลยังมีการประท้วงมากมาย ในการเรียกร้อง เปลี่ยนรัฐธรรมนูญและแก้ไขฉบับใหม่จึงทำให้สองข้างทางเต็มไปด้วยทหาร ถือปืนประจำการในจุดสถานที่ราชการสำคัญ ๆ ทำให้บางสถานที่เราไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชม หวังว่าประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และสีสันอันตระการตานี้จะมีความสงบสุขเหมือนเฉกเช่น ประชาชนที่เคร่งครัดในการนับถือและความเชื่อด้านศาสนา ซึ่งยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาในช่วงหลายพันปีได้ไม่เสื่อมคลาย 
    
การเดินทางในครั้งนี้ไม่สามารถนำรายละเอียดบางช่วงบางตอนมานำเสนอได้เนื่องจากเนื้อที่มีจำกัด แต่ก็สามารถ ติดตามชมบรรยากาศเนปาลได้จากคลิป ทางเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ www.dailynews.co.th ได้อย่างจุใจตลอด 24 ชม. สุดท้ายก็ต้องขอกล่าวคำว่า...นมัสเต ครับทุกท่าน.

รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว


ฤดูท่องเที่ยวเนปาล  ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนตุลาคม-มีนาคม ความแตกต่างเรื่องเวลา  เวลาของเนปาล ช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 15 นาทีอุปกรณ์ต้องเตรียม ควรเตรียมรองเท้าที่สวมใส่สบายและเดินสะดวก เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งอาจต้องเดินขึ้น-ลงเขา และขึ้น-ลงบันได พร้อมติดกระดาษทิซชูเปียก หรือเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคไปด้วย ไม่ควรนำเครื่องประดับมีค่า และเครื่องหนังสัตว์ทุกชนิดติดตัวไป เพราะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งไม่อนุญาตให้นำเข้าไปอัตราแลกเปลี่ยน เนปาลใช้เงินสกุลรูปีเนปาล (1 บาท ประมาณ 1.78 รูปีเนปาล)

“แหล่งท่องเที่ยวในประเทศเนปาล นอกจากมีความงดงามของธรรมชาติและขุนเขาอันยิ่งใหญ่แล้ว สถาปัตยกรรมโบราณล้ำค่าเกือบทุกแห่งก็ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดียวกัน

**
Credit : http://www.dailynews.co.th