งานนี้มี "เฟร็ด ไฮโกลด์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกู๊ดเยียร์ เอเชีย แปซิฟิก พร้อมกับ "ริชาร์ด เจ. เฟลมมิ่ง" กรรมการผู้จัดการกู๊ดเยียร์ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำทีมมาเอง
ยางรุ่นแรกคือ "Eagle F1 Asymmetic 2" เน้นกลุ่มลูกค้ารถเก๋งขนาดกลางและเล็ก ที่ต้องการความนุ่มและเกาะถนนยิ่งขึ้น ที่มีเทคโนโลยี Active BraKing ช่วยหยุดรถได้เร็วขึ้น
ลักษณะเด่นคือระบบเบรก 3 มิติ ออกแบบให้สามารถขยายตัวเมื่อสัมผัสกับพื้นถนน ทำให้เกิดการยึดเกาะมากขึ้น ซึ่งต่อเนื่องไปถึงการเบรกที่สั้นลงนั่นเอง
ส่วน "Eagle F1 Directional 5" ยางรถยนต์กึ่งสปอร์ต เทคโนโลยีใหม่ SportGrip จับกลุ่มลูกค้าเก๋งกลาง ถึงใหญ่ ประเภทรถยุโรป รถแต่ง รถสปอร์ต คูเป้ ที่ต้องการยางรถยนต์คุณภาพสูง
ออกแบบร่องยางและดอกยางให้ช่วยกระจายแรงกด เพิ่มสัมผัสผิวถนนอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ทนทาน และลดการสึกหรอของดอกยาง
Eagle F1 Asymmetec 2 ผ่านการทดสอบจากสถาบันอิสระ TUV SUD ของประเทศเยอรมัน ผลที่ออกมาคือสามารถหยุดรถได้เร็วขึ้น ทั้งบนถนนแห้ง รวมถึงถนนเปียก เพิ่มความมั่นใจ พร้อมทั้งให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ดีขึ้น
ขณะที่ Eagle F1 Directional 5 ให้ความแม่นยำ และสมรรถนะการทรงตัว และยึดเกาะ เพิ่มความสนุกสนานการขับขี่ ดอกยางออก แบบมาให้มีลักษณะเคลื่อนไหว จึงเข้ากันได้ดีกับแม็กซ์ลายต่างๆ
การทดสอบแบ่งออกเป็น 2 ช่วง เช้าวิ่งในสนามมี 2 ฐาน ฐานแรกเป็นการขับขี่แบบเปลี่ยนเลนในโค้งกว้าง และฐานสลาลมผลที่ได้รับหลังทดสอบ อย่างหนึ่งที่เห็นชัดเจนคือการทรงตัวที่ดี
ช่วงสลาลมจังหวะการโยนตัวไปมาของรถไม่มีบานออกให้ได้รู้สึก ส่วนการเปลี่ยนเลนในทางโค้งมีอาการหน้าไวอยู่เล็กๆ แต่ด้วยการยึดเกาะถนนทำให้แก้อาการได้ด้วยความรวดเร็ว
ส่วนช่วงบ่ายขับขี่บนถนนจริงประมาณให้รับรู้ถึงความนุ่มเงียบที่แม้จะวิ่งอยู่บนถนนทางหลวงชนบท ย่อมมีขรุขระเป็นธรรมดา แต่แรงสัมผัสไม่ได้กระด้างขึ้นมาถึงในห้องโดยสาร รวมถึงเรื่องของเสียงที่จัดว่าเงียบในเกณฑ์น่าพอใจ
"Eagle F1" ทั้ง 2 รุ่นถือเป็นยางใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว
***
Credit : http://www.khaosod.co.th/index.php