วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำพริกกะปิ 2 สูตร รสชาติไม่รู้เบื่อ สูตร ป้าเจือ คนยะลา

น้ำพริก เป็นเมนูคู่ครัวของคนไทยมาช้านาน เป็นอาหารที่สำแดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยชนิดชัดเจนมาก จึงทำให้แต่ละภาคต้องมีน้ำพริกประจำถิ่นที่มีหลายสูตร หลายความอร่อย ที่มีขั้นตอนและรสชาติแตกต่างกันออกไป

แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไม่ได้ต้องโขลกรวมลงไปทุกเมนูของน้ำพริกก็คือ พริก ที่ต้องใส่ตำรวมลงไป เมื่อโขลกรวมกันสมบรูณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องมีเครื่องเคียงคู่กันเสมอคือ ผัก สำหรับน้ำพริกกะปิ ชื่อก็บอกแล้วว่าต้องมีกะปิ ที่มีแคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อกระดูกและฟันของเราเป็นอย่างมาก แถมอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 สูงมาก โรคโลหิตจางเลิกถามหาอย่างแน่นอน ตลอดจนรวมไปถึงสารอาหารโปรตีนอัดแน่นเต็มไปหมด พร้อมกันนั้นทำให้เราได้มีโอกาสกินผักที่ไม่ว่าจะเป็นผักทั้งสด ย่าง ต้ม นึ่ง จนถึงผักดองที่นำมาเป็นเครื่องเคียงได้ทุกชนิดตามความต้องการของปาก เพราะสามารถช่วยล้างพิษในลำไส้ ต้านมะเร็ง ที่สำคัญคือช่วยชะลอความแก่ได้ชะงักดีแท้ สรุป ดีต่อสุขภาพผู้ที่ได้บริโภคเป็นอย่างมาก

ผมยังคงนำพาชีวิตในวัยหนุ่มใหญ่ หัวใจล้นฝัน ตะลอนไปทุกที่ที่ต้องการ หยุดแวะทุกที่ที่พบสิ่งดีๆ นำมาเสนอสู่ท่านผู้อ่านเสมอ ครั้งนี้หลังจากได้ชิมน้ำพริกกะปิรูปแบบทางปักษ์ใต้บ้านเรา ที่นิยมเรียกกันว่า น้ำชุบ รู้สึกได้ทันทีที่ได้ลิ้มรส ยอมรับว่าแปลกไม่เหมือนใคร จึงขอติดต่อทำความรู้จักกับเจ้าของสูตรมาเขียนให้อ่านกัน เนื่องจากรสชาติบอกได้ทันทีว่ากินได้เรื่อยๆ ไม่รู้เบื่อจริงๆ เป็นสูตรของ คุณป้าเจือ ธรรมสะโร คนยะลา

คุณป้าเจือ วันนี้อายุ 70 ปี เข้าไปแล้ว อดีตข้าราชการครูที่เกษียณไปพร้อมกับเมนูน้ำพริกกะปิสูตรนี้ติดตัวไปด้วย เป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่ข้าราชการ ทุกครั้งเมื่อมีงานเลี้ยง ไม่ว่าจะด้วยกันเองหรือเลี้ยงต้อนรับผู้มาเยือน ต้องมีน้ำพริกคุณป้าเจือวางอยู่ด้วย 1 เมนู เป็นประจำ ชนิดห้ามขาดหาย แม้ปัจจุบันที่ยังระลึกถึงคุณป้า ก็ยังคงใช้บริการของคุณป้าเจืออยู่เป็นประจำ 

คุณป้าเจือ เล่าว่า จะมีด้วยกัน 2 สูตร เป็นสูตรที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้มาเองชนิดไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากฝีมือล้วนๆ จากการโขลกน้ำพริกกะปิมามากจนนับจำนวนครั้งที่ตำไม่ได้ว่า กี่ครั้ง กี่ครก กี่รสชาติ ปรับปรุงเรื่อยมาจนเป็นที่เลื่องลือแค่ 2 สูตรนี้เท่านั้น สูตรแรก เรียกว่า น้ำพริกกะปิหอมแดง มีส่วนผสมดังนี้ พริกขี้หนูสด ต่อมาตัวพระเอกหอมแดง กะปิอย่างดี น้ำปลา น้ำตาลต้องใช้น้ำตาลที่ทางปักษ์ใต้เรียกว่าน้ำตาลแว่นเท่านั้น นำทุกอย่างมาโขลกรวมกันให้ละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว และสุดท้ายต้องนำซีอิ๊วขาวมาเยาะผสมลงไปด้วย ถือเป็นเคล็ดลับสำหรับสูตรนี้โดยเฉพาะ คนให้เข้าเป็นหนึ่งเดียว เมื่อชิมจะได้รสชาติที่แปลก หอม และเยี่ยมลิ้นมากขึ้น
 

สูตรต่อมาเรียกว่า น้ำพริกกะปิกระเทียมโทน ต่างจากสูตรแรก ส่วนผสม พริกขี้หนู ต้องพริกขี้หนูสวนเท่านั้น ห้ามใช้พริกยี่ห้อสังกัดอื่นเด็ดขาด เพราะจะทำให้เหม็นเขียว คุณป้าเจือบอกอย่างนั้น ต่อมากระเทียมโทนที่ต้องนำมาร่วมวงเพราะมีรสเผ็ดเล็กน้อยและมีกลิ่นหอม กะปิชนิดดีแต่ต้องมีเกลือใส่ลงไปเพื่อให้เพิ่มความเค็มและจะได้ไม่เหม็นกะปิมากไป น้ำตาลที่ผสมลงไปต้องน้ำตาลทรายขาวเท่านั้น เพราะจะทำให้มีรสชาติหวานแหลมกลมกล่อม คุณป้าเจือบอกอย่างนั้นอีกเช่นกัน โขลกรวมกันให้ละเอียดปรุงรสด้วยน้ำมะนาว แล้วชิมรสตามใจชอบ สำหรับมะเขือพวงหากจะนำมาลงไปร่วมด้วยก็ไม่เป็นไร เพราะคุณป้าเจือบอกต่ออีกว่า มะเขือพวง ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเบาหวานได้อีกด้วย

ทั้ง 2 สูตรนี้ หากท่านใดต้องการทราบส่วนผสมที่มีละเอียดถี่ยิบมากกว่านี้ ติดต่อคุณป้าเจือได้ ยินดีให้ทุกรายละเอียด พร้อมเคล็ดลับทุกขั้นตอน โทร. (086) 957-7222 บ้านของคุณป้าเจือ อยู่เลขที่ 4 ซอยน้ำผึ้ง ถนนอาคารสงเคราะห์ ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา จังหวัดใกล้เคียงไปเยี่ยมหาได้ หรือต้องการไปฝึกโขลกที่บ้านคุณป้าเจือก็ไม่ขัดข้อง สำหรับในกรุงเทพฯ ท่านใดสนใจ คุณป้าเจือบอกท้ายสุดว่า ได้ถ่ายทอดวิชาน้ำพริกทั้ง 2 สูตรนี้ ให้ไว้กับหลานสะใภ้ที่สนใจฝึกฝนจนได้รสชาติเหมือนคุณป้าเจือชนิดรวมทุกความอร่อยไว้สิ้น ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด ฝีมือเข้าขั้นจนสามารถตำออกจำหน่ายตามหน่วยงานต่างๆ ได้ ชนิดลูกค้าให้การตอบรับมากทีเดียว สนใจติดต่อ คุณวิภาวี มะลิวัลย์ โทร. (087) 773-1394 อยู่แถวเขตคลองสามวา แล้วคุณจะรู้ว่ารสชาติเป็นเช่นไร? ที่ผมบอกว่าไม่รู้เบื่อครับผม



Credit http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05020150254&srcday=&search=no