วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โนบุยูกิ มูราฮาชิ การเป็นพันธมิตรกับนิสสันเป็นเรื่องดี!!!

โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล



หัวข้อที่เป็นที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ ความร่วมมือในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง สำหรับธุรกิจของมิตซูบิชิและนิสสันในประเทศไทย...
งานเข้าครั้งใหญ่สำหรับ โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ที่อยู่ดีๆ บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ประกาศแผนเจรจาร่วมมือกับนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น แบบไม่ทันให้ตั้งตัว
ภายใต้แผนงานที่ประกาศออกมา มีงานที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยมากมายหลายโครงการ เป็นเหตุให้นายใหญ่จากค่ายตราเพชรต้องรับหน้าที่ตอบคำถามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันเปิดตัวไทรทันและปาเจโร สปอร์ตใหม่ เรื่อยมาจนถึงในช่วงของการทดสอบรถยนต์
หัวข้อที่เป็นที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ ความร่วมมือในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง สำหรับธุรกิจของมิตซูบิชิและนิสสันในประเทศไทย...
“ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องแผนงานต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมออกมาแต่อย่างใด ยังอยู่ที่ขั้นตอนการเจรจาของบริษัทแม่ ว่าจะเดินหน้าแผนงานไปทิศทางใด ซึ่งตอนนี้คงเร็วไปที่จะพูด แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องดีที่มิตซูบิชิจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับนิสสันในอนาคต”
มูราฮาชิ บอกว่ารูปแบบการดำเนินงานระหว่าง 2 บริษัทนั้น จะเป็นพันธมิตรกันในเรื่องของโครงการต่างๆ 4 โครงการที่ประกาศไปแล้วเท่านั้น ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของการแลกเปลี่ยนหุ้นหรือการร่วมบริหารงานแต่อย่างใด
ทั้งนี้ แผนงานทั้งสี่ข้อประกอบไปด้วย 1.การตั้งบริษัทเพื่อพัฒนารถยนต์นั่งเคคาร์สำหรับตลาดญี่ปุ่นด้วยกัน 2.การนำรถพีพีวีรุ่นปาเจโร สปอร์ต ไปติดแบรนด์ของนิสสันเพื่อจำหน่ายในตลาดตะวันออกกลาง 3.การผลิตรถปิกอัพของนิสสันที่โรงงานของมิตซูบิชิในประเทศไทย และ 4.การร่วมมือกันพัฒนารถปิกอัพรุ่นใหม่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน
สำหรับการผลิตรถให้กับทางนิสสันนั้น มูราฮาชิ บอกว่าต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากโรงงานของมิตซูบิชิในประเทศไทยเดินสายการผลิตอย่างเต็มที่อยู่แล้ว หากจะต้องผลิตรถยนต์ให้กับนิสสันในอนาคต ก็จำเป็นที่จะต้องลงทุนเพิ่มเติม โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเอง
ขณะที่แนวทางในการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน คาดว่าจะเป็นการแชร์แพลตฟอร์มที่ใช้ในการพัฒนาร่วมกันเท่านั้น เพื่อลดต้นทุนในการผลิตรถปิกอัพรุ่นใหม่ ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การพัฒนารถในท้ายที่สุด คงแยกกันพัฒนาอย่างชัดเจน
“นอกจากนี้อาจจะได้เห็นความร่วมมือกันในด้านของการผลิตมากขึ้น เช่น นิสสันนำปิกอัพมาผลิตในโรงงานของมิตซูบิชิในประเทศไทย มิตซูบิชิก็อาจจะใช้โรงงานของนิสสันในยุโรปหรืออเมริกาในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันอีกครั้ง”
นายใหญ่ค่ายตราเพชร บอกว่า ขณะนี้มิตซูบิชิมีโครงการที่เดินหน้าอย่างมากมายในประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่องพลังงานทดแทน ที่บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการใช้พลังงานทางเลือก อี85 ในประเทศไทย โครงการอีโคคาร์ที่เดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ หรือแม้แต่การร่วมมือกับภาครัฐนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาทดลองวิ่งในประเทศไทยก็ตาม
ทั้งนี้ โครงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น มูราฮาชิ บอกว่า หากนำเข้าด้วยมาตรฐานภาษีในปัจจุบันจะทำให้มีราคาจำหน่ายสูงถึงเกือบ 3 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งเป็นเรื่องยากต่อการทำตลาดอย่างแน่นอน แต่ก็จะเดินหน้าทำการทดสอบในประเทศไทย เพื่อให้รัฐบาลเข้าใจถึงรถยนต์ประเภทนี้มากขึ้น
“ตอนนี้เราพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับประเทศไทยอยู่ แต่หากจะทำตลาดจริงต้องมองไปที่เรื่องของความพร้อม รวมไปถึงการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ที่จะทำให้|ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาที่เหมาะสม
เมื่อถามถึงปัจจัยภาษีว่า หากรัฐบาลลดภาษี มิตซูบิชิจะเดินหน้าทำตลาดหรือไม่ มูราฮาชิ หัวเราะเบาๆ พยักหน้า 1 ที ก่อนขอตัวไปดูฟุตบอลอาเซียนคัพ รอบชิงชนะเลิศแบบมีความสุขต่อไป!!!

Credit :