วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เกาะนับพันๆ''อินโดนีเซีย "บาหลี" วัด-ศิลปะ-ธรรมชาติ

นรินทร์ เนียมประดิษฐ์


บาหลี เป็นหนึ่งในจำนวนเกาะนับพันๆ เกาะของอินโดนีเซีย แต่โด่งดังที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวนานาชาติ

เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรม ชาติ ชายหาดที่สวยงามและขาวสะอาดตา ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และแหล่งท่องเที่ยว ทางวัฒนธรรมซึ่งมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม

ตั้งอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตร 8 องศา ทางตะวันออกของเกาะชวา ลักษณะอากาศเป็นแบบป่าฝนร้อนชื้น


มีความสวยงามด้วยธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับวัฒนธรรมซึ่งสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานับพันปี

การไปเยือนเกาะบาหลีครั้งนี้เป็นทริป ที่ผู้บริหาร "ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย" พาไปชมสำนักงานของธนาคารในเครือซีไอเอ็มบี กรุ๊ป โดยมี คุณสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เป็นหัวหน้าคณะทัวร์

การเดินทางใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินนานาชาตินูราลัย เมืองเดนปาซาร์ บนเกาะบาหลี

ภายในสนามบินผู้มาเยือน ก็สัมผัสได้ถึงอารยธรรมศิลปะบาหลีที่ตั้งโดดเด่นอยู่ภายใน สนามบิน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว


จุดหมายแรกของการมาเยือนเกาะบาหลีคือ ไปแวะเยี่ยมชมสาขาของ ซีไอเอ็มบี ไนอาก้า (CIMB NIAGA) ธนาคารในกลุ่มซีไอเอ็มบีที่ได้รับรางวัลในการออกแบบ และอนุรักษ์สำนักงานแบบเก่าดีเด่น จากการโหวตสุดยอดธนาคารแห่งเกาะบาหลี โดยมี นางดีนา ซูตาดี ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไนอาก้า อินโดนีเซีย มาต้อนรับและกล่าวถึงความเป็นมา ตลอดจนแผนการดำเนินธุรกิจของธนาคาร


ระหว่างการเยี่ยมชมสาขาของธนาคารซีไอเอ็มบี กรุ๊ป ทางคณะเจอกับฝนแรกบนเกาะบาหลี ทั้งที่ก่อนหน้ายังเจอกับแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงอย่างร้อนแรงและอากาศที่ร้อนอบอ้าว

ซึ่งคนบาหลีถือเป็นเรื่องปกติ

เพราะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมจะมีลมมรสุมประจำปีที่ทำให้เกิดลมและฝน

ส่วนช่วงท่องเที่ยวที่เป็นไฮซีซั่นของบาหลีจะอยู่ในช่วงกลางปีคือเดือนเมษายน ไปจนถึงเดือนกันยายน




หลังการเยี่ยมชมธนาคารในเครือซีไอเอ็มบีแล้ว ทางคณะเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะอากุงไร (Agung Rai Museum of Art) ในเมืองอูบุด ซึ่งมีผลงานภาพเขียนของศิลปินชาวบาหลีตั้งแสดงร่วมกับศิลปินชาวตะวันตก เช่น วอลเตอร์ สปีส์ ศิลปินชาวรัสเซียที่หลงใหลในวัฒนธรรมบาหลี

ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ตกแต่งอย่างสวยงามตามสไตล์บาหลี มีการแสดงภาพเขียน งานประติมากรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่


นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีส่วนที่เป็นรีสอร์ตระดับสี่ดาว เปิดให้กับนักท่องเที่ยวเข้าพักด้วย

แต่สถานที่ที่ทางคณะเข้าพักมีชื่อว่า มายา อูบุด รีสอร์ต แอนด์ สปา โดยเป็นรีสอร์ตหรู ระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา ตกแต่งได้อย่างลงตัว กลมกลืนไปกับธรรมชาติ

โดยเฉพาะสระว่ายน้ำที่อยู่บนเขามองลงไปเห็นวิวโดยรอบที่ยังเป็นทั้งพื้นที่ป่าและการทำนาแบบขั้นบันไดของคนบาหลี

ระหว่างเข้าพัก ทางรีสอร์ตยังจัดให้ชมการแสดงพื้นเมือง ระบำคะชัก หรือ ระบำลิง (Kecak) ที่ได้ชื่อว่ามีชื่อเสียงที่สุดในบาหลี เป็นการตัดตอนมาจากรามายณะ (รามเกียรติ์) เล่าเรื่องราวของพระรามกับพลวานรที่ตามไปช่วยนางสีดาจากราวันนา (หรือทศกัณฐ์) ใช้คนแสดงเป็นจำนวนมาก

ผู้ที่แสดงเป็นพลลิงนุ่งผ้าตาหมากรุก เปลือยท่อนบน ทัดดอกชบาแดงข้างหูนั่งล้อมวงซ้อนๆ กัน 4-5 ชั้น และโบกมือขึ้นลงโยกตัวไปมา ปากก็ร้องคะชัก คะชัก เป็นเสียงสูงต่ำแทนเครื่องดนตรีประกอบ โดยตัวเอกต่างๆ จะเดินร่ายรำไปมาในวงตรงกลางระหว่างพลลิงเหล่านั้น ซึ่งตามปกติจะหาชมได้ยาก

หลังดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าท่ามกลางขุนเขาแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองอูบุด เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม

อูบุดตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะบาหลี ในอดีตเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ผลิตงานศิลปะ แต่ก็เป็นศูนย์กลางงานศิลปะ การแสดงฟ้อนรำ ดนตรีพื้นเมือง รวมถึงโบราณสถานและวัดเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันเป็นตลาดขายของที่ระลึกทั้งแบบส่งและปลีก แบบที่ใครมาเยือนเกาะแห่งนี้แล้วต้องไม่พลาดการมาช็อปปิ้ง

ที่นี่ยังมีทั้งแกลเลอรี่ที่จัดแสดงงานศิลปะ มีร้านค้าที่ขายภาพวาด ผ้า เครื่องประดับ วัตถุโบราณ และงานฝีมือต่างๆ ที่คัดสรรมาให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ

เมื่อช็อปปิ้งกันจนกระเป๋าเบาแล้ว ก็ได้เวลาไปเที่ยวชมวิหารกลางมหาสมุทรอินเดีย ปุราทานาห์ลอต (Pura Tanah lot) เป็นวัดกลางทะเลที่สวยที่สุด ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะบาหลี

ก่อสร้างขึ้นโดย นิราร์ธะ (Nirartha) พระฮินดูผู้จาริกแสวงบุญ ผู้ซึ่งเดินทางมาบาหลีในศตวรรษที่ 16 เชื่อกันว่ามีงูลายศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องรักษาอยู่ภายใต้วิหาร

ทานาห์ลอต ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งบนเกาะบาหลี ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงามของวัดพร้อมกับความงามของพระอาทิตย์ยามลับขอบฟ้า

จากความงามของวิหารกลางทะเล เป้าหมายสุดท้ายในการเยือนเกาะบาหลีเราได้ไปสักการะรูปปั้นพระพิฆเนศ ที่ ปุรากัวกาจาห์ (Pura Goa Gajah) หรือวัดถ้ำช้าง การเข้าชมนักท่องเที่ยวต้องแต่งกายเรียบร้อย ไม่สวมกางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้น ไม่เช่นนั้นต้องนุ่งโสร่งโดยทางวัดมีบริการให้ฟรี

วัดแห่งนี้ ค้นพบโดยนักโบราณคดีชาวดัตช์ เมื่อปีค.ศ.1923 มีสิ่งที่โดดเด่นคือแผ่นหินแกะสลักหน้าปากทางเข้าถ้ำ ลักษณะเป็นการเจาะจากด้านหน้าของหินผา มองดูคล้ายใบหน้าช้าง บ้างก็ว่าคล้ายยักษ์อ้าปากกว้าง ซึ่งชาวบาหลีเชื่อว่าคือปากของปีศาจร้าย

ภายในถ้ำเป็นรูปตัวที ด้านหนึ่งจะเป็นรูปปั้นพระพิฆเนศ อีกด้านเป็นรูปปั้นศิวลึงค์ 3 แท่ง แทนเทพ 3 องค์ คือ พระศิวะ พระนารายณ์ และ พระวิษณุ ตามความเชื่อของฮินดู

ด้านหน้าปากถ้ำเป็นสระศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำไหลพุ่งจากปากปล่องแกะสลักเป็นรูป อิสตรี 6 นาง ชาวบาหลีเชื่อว่า ถ้าใครอยากมีลูกลองมาดื่มหรืออาบน้ำที่นี่ จะมีลูกสมปรารถนา

วิถีชีวิตของคนบาหลีที่ผูกพันกับคติความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สถาปัตยกรรมที่เป็นเอก ลักษณ์ เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เสียดายที่การมาบาหลีครั้งนี้มีเวลาจำกัด ยังมีสถานที่สวยงามทางธรรมชาติและโบราณสถานอีกหลากหลายที่ยังไม่ได้ไปสัมผัส

หากมีโอกาสคงได้กลับมาเยือนเกาะแห่งอารยธรรมนี้อีกครั้ง




Credit :http://www.khaosod.co.th