ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถเล็กที่สามารถใช้งานในเมืองได้สะดวก ใช้งานได้หลายรูปแบบ มีเนื้อที่ภายในเพื่อประโยชน์การใช้งานอย่างเหมาะสม พร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว จึงไม่แปลกที่รถแฮตช์แบ็ก 5 ประตูคันนี้ทำยอดขายไปแล้วกว่า 130,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวไปในปี 2546 รวมถึงในตลาดระดับโลก ก็กวาดยอดขายรวมใน 115 ประเทศทั่วโลก ถึง 3.6 ล้านคัน
สำหรับความเปลี่ยนแปลงในการปรับโฉม หลังจากการเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2551 ที่ผ่านมานั้น สิ่งที่โดดเด่น
กับการเพิ่มชุดอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ คือ กันชนหน้า-หลัง ไฟหน้า กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายแบบแอลอีดี และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น สัญญาณกะระยะกันชนหลัง 4 จุด ไฟตัดหมอกคู่หน้า เครื่องเสียงแบบโมดูล พร้อมช่องเชื่อมต่อยูเอสบี และเบาะนั่งสีใหม่ พร้อมเพิ่มระบบความปลอดภัยด้วยถุงลมคู่หน้าแบบ "Dual SRS" และระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยทั้งสำหรับคนขับและผู้โดยสาร
นอกจากนี้ ยังมีเบาะนั่งด้านหลังแบบ "อัลตร้า ซีต" ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก กุญแจรีโมต พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรกแบบอีบีดี และระบบสัญญาณกันขโมย
ส่วนรุ่นวีซึ่งเป็นรุ่นกลางนั้น มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานชุดใหม่ และเพิ่มล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ส่วนรุ่นเอสวี เพิ่มระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย พนักเท้าแขนด้านคนขับภายในสีดำและน้ำเงินเข้ม และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่มีให้เลือก 6 สี คือ สีส้มบริลเลียน, สีฟ้าเซรูเลียน เมทัลลิก, สีขาวทาฟเฟต้า, สีเงินอลาบาสเตอร์ เมทัลลิก, สีเทาโพลิชเมทัล เมทัลลิก และสีดำ คริสตัล มุก ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 590,000-715,000 บาท
Credit :http://www.prachachat.net/
