วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

จันทบุรี สงบเงียบน้ำทะเลสวยงามท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์





จันทบุรี จังหวัดแถบชายทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศ ที่ซ่อนความงามท่ามกลางความสงบเงียบไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเลที่สวยงามไม่แพ้ใคร แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีความน่าสนใจ และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ดั้งเดิมของชาวบ้าน ความงามเหล่านี้นับเป็นความมหัศจรรย์ของเมืองจันท์ที่หลายคนยังไม่เคยเข้ามาสัมผัส

สถานที่แรกที่อยากแนะนำให้นักเดินทางทุกคนที่มาจันทบุรีไปเที่ยวก็คือ ศูนย์การศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปัจจุบันจัดว่าเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีพันธุ์ไม้ป่าชายเลนจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 30 ชนิด ขึ้นกระจายปกคลุมอยู่รอบอ่าว เป็นแนวกว้างโดยเฉลี่ย 30-200 เมตร และโค้งยาวไปตามขอบอ่าวเป็นระยะทางถึง 5 กิโลเมตร


การชมความงามของป่าชายเลนผืนนี้ต้องใช้เส้นทางสะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบนระยะทางประมาณ 1,700 เมตร โดยตลอดเส้นทางทุกคนจะได้ผ่อนคลายไปกับความสดชื่นจากธรรมชาติรอบข้าง ทั้ง หมู่ต้นแสม หมู่ต้นลำพู แปลงเพาะชำกล้าไม้  แปลงปลูกป่าไม้โกงกาง  แปลงศึกษาวิจัย ก่อนจะข้ามสะพานสุดคลาสสิกไปสู่ป่าธรรมชาติ  ที่มีไม้โกงกางขนาดใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นอุดมสมบูรณ์

สะพานจะทอดตัวยาวไปเรื่อยๆแล้ววกกลับอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความรู้จากป่าชายเลนผืนนี้อย่างเต็มที่ โดยบริเวณสะพานทางเดินได้จัดสร้างศาลาสื่อความหมายธรรมชาติ และระเบียงหยุดพักชมธรรมชาติเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ศึกษาหาความรู้เรื่องราวของป่าชายเลนบนบอร์ดนิทรรศการ ซึ่งยังมีกิจกรรมพายเรือคายัคไว้รองรับนักท่องเที่ยวขาลุยที่ต้องการพายเรือชมความงามของธรรมชาติป่าชายเลนอีกด้วย

ไม่ไกลจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนมากนัก มีส่วนของบ่อเลี้ยงปลา ซึ่งมีไฮไลท์ที่ปลาฉลามลายเสือที่ผู้ดูแลจะลงไปป้อนอาหารถึงปาก พร้อมชวนนักท่องเที่ยวผู้กล้าลงไปร่วมสนุกให้อาหารอีกหนึ่งสายพันธุ์ของเพชฌฆาตแห่งท้องทะเลอย่างใกล้ชิด หรือจะเลือกปล่อยปูคืนสู่ท้องทะเลเพื่อเป็นการทำบุญทางบ่อเขาก็มีการจัดเตรียมปูไว้ให้

จากนั้นขับรถชมวิวมาเรื่อยๆเราก็จะข้าม สะพานตากสินมหาราช ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของปากแม่น้ำจันทบุรีได้อย่างชัดเจน ถ้าใครพอมีเวลาก็อย่าลืมแวะลงไปเก็บภาพความประทับใจ รับลมเย็นท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์สักพัก เรามุ่งหน้ามาต่อกันที่ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมลโบสถ์คริสต์เก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ที่อยู่เป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชุมชนคริสต์ของจันทบุรีมาตลอด

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล เป็นวัดคาทอลิกขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่และงดงามที่สุดในประเทศไทย โดยนอกจากความงามของตัวโบสถ์และการตกแต่งที่สะดุดตาสวยงามแล้ว ไฮไลท์สำคัญต้องยกให้ แม่พระประดับพลอย ที่ใช้พลอยว่า 2 แสนเม็ดในการสร้าง นับเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของเมืองจันทบุรี ที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดที่จะเข้ามาชม

ยามเย็นเราเดินข้ามสะพานจากอาสนวิหารฯก็เจอกับ ชุมชนริมน้ำจันทบูร ซึ่งถ้าจะถามถึงพื้นเพของที่นี่จะก็เล่าย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(กรุงศรีอยุธยา)ทรงย้ายเมืองจันทบูรจากบ้านหัววังมายังบ้านลุ่ม ชุมชนริมน้ำแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของบ้านลุ่ม มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณฝั่งแม่น้ำจันทบุรีตั้งแต่ท่าสิงห์ ท่าหลวง(ตลาดเหนือ) ตลาดกลาง และตลาดใต้

ปัจจุบันถูกจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต ที่แฝงเรื่องราวน่าสนใจไว้มากมาย นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับการเดินชมถิ่นวันวาน สัมผัสเรื่องราว พร้อมรับฟังเรื่องเล่าของบ้านเรือนเก่าแก่ที่ยังคงสภาพไว้อย่างดีเยี่ยม ทั้ง บ้านหลวงประกอบนิติสาร บ้านแบบจีนกับงานสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น บ้านขุนบุรพาภิผล(ร้านขนมไข่ป้าไต๊) บ้านตึกทรงยุโยปที่ยังทิ้งรอยความงามเก๋ๆไว้ให้ชมกัน ฯลฯ ในบรรยากาศlสบายๆ

นอกจากจะได้สัมผัสเอกลักษณ์ของชุมชนแห่งนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว ใครที่มีโอกาสมาเดินเล่นในชุมชนแห่งนี้จะเห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ซึ่งทุกบ้านอยู่กันอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องมีปัจจัยมากมาย ผ่านทั้งซุ้มเล่นหมากรุกของผู้สูงอายุ ร้านกาแฟเล็กๆที่เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่น การไปมาหาสู่ของบ้านแต่ละหลัง ซึ่งเป็นวิถีที่คงพบไม่ได้ง่ายนักในเมืองใหญ่ ผมเชื่อเลยว่าถ้านักท่องเที่ยวคนไหนได้มาเยือนเมืองนี้จะต้องหลงรักโดยไม่รู้ตัวแน่นอน